ต้นเดือน ตุลาคมนี้ จะมี “หุ้นอสังหาริมทรัพย์” ไซต์ใหญ่หนึ่งตัว ที่เตรียมจะเข้าซื้อขาย ซึ่งบรรดานักลงทุนทั้งหลายกำลังจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากการเข้ามาของไซต์ใหญ่ตัวนี้ คาดกันว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมเกือบ 2 แสนล้านบาท
“นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล” ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้นักลงทุนกำลังจับตามองความเคลื่อนไหวของหุ้นขนาดใหญ่รายหนึ่งในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ที่กำลังจะเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ในช่วงปลายเดือนกันยายน 2562 และจะเข้าซื้อขายในตลาดช่วงต้นเดือนตุลาคม 2562 นี้
ซึ่งนอกจากจะส่งผลทำให้สภาพคล่องไหลออกจากตลาดไปบางส่วนแล้ว ยังมีผลให้รายชื่อหุ้นในดัชนี SET50 และ SET100 เปลี่ยนแปลง เนื่องจากหุ้น IPO ดังกล่าว เป็นหุ้นขนาดใหญ่ ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมเกือบ 2 แสนล้านบาท (อ้างอิงจากราคาจองซื้อที่ 6 บาท/หุ้น) หรือมีมูลค่าตลาดมากกว่า 1% ของมูลค่าตลาดรวมของดัชนีหุ้นไทย (SET Index) และยังคาดว่าจะมีมูลค่าตลาดรวมติดอยู่ในช่วง 20 อันดับแรกของหุ้นในดัชนี “SET50 และ SET100” อีกด้วย
ซึ่งตามเกณฑ์ของ “ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)” หากจะนำหุ้นใหม่มาคำนวณใน SET50 และ SET100 จะเริ่มนับ ณ สิ้นวันที่จะเริ่มซื้อขายเป็นวันแรก ซึ่งจะส่งผลให้หุ้นที่มีมูลค่าตามราคาตลาดรวมน้อยที่สุดออกจากการคำนวณดัชนีไป ซึ่งการปรับเปลี่ยนหุ้นที่อยู่ในดัชนีก็อาจทำให้ช่วงนี้หุ้นไทยผันผวนมากกว่าปกติ
6 หุ้น เสี่ยงหลุด SET50 – SET100
จากการตรวจสอบหุ้นที่มีมูลค่าตลาดรวมน้อยที่สุด 3 อันดับแรกของดัชนี SET50 โดยเรียงลำดับตามมูลค่าตลาดจากน้อยไปหามาก เพื่อสะท้อนโอกาสการออกจากดัชนีมากถึงน้อย พบว่า หุ้นที่มีมูลค่าตลาดน้อยที่สุด คือ KKP, BPP และ DELTA
ส่วนมูลค่าตลาดรวมน้อยที่สุด 3 อันดับแรกของดัชนี SET100 โดยเรียงลำดับตามมูลค่าตลาดจากน้อยไปหามาก เพื่อสะท้อนโอกาสการออกจากดัชนีมากถึงน้อย พบว่า หุ้นที่มีมูลค่าตลาดน้อยที่สุด คือ BEAUTY, ANAN และ PSL
บล.ทิสโก้คาดว่าตลท. จะเปิดเผยการเปลี่ยนแปลงรายชื่อหุ้นในดัชนี SET50 และ SET100 ล่วงหน้า 1 วันก่อนที่หุ้นใหม่ดังกล่าวจะเข้ามาซื้อขายในตลาด
คาดเงินไหลเข้า “หุ้นใหม่” 700 ล้านบาท
สิ่งที่น่าสนใจคือ การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นหลังคำนวณดัชนีใน SET50 และ SET100 ใหม่ คือ จะทำให้กองทุนที่ลงทุนตามดัชนี (Passive Fund และ Index Fund) ต้องปรับเปลี่ยนการลงทุน โดยการเพิ่มน้ำหนักหุ้น IPO ตัวใหม่เข้าไปด้วย และต้องปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนในหุ้นตัวอื่นๆ ลง
ซึ่งจากการตรวจสอบบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พบว่า มีบลจ.จำนวน 8 แห่ง ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) คิดเป็นสัดส่วน 90% ของอุตสาหกรรม มีกองทุนที่ลงทุนตามดัชนี SET50 รวม 17 กอง คิดเป็นมูลค่าสินทรัพย์ (NAV) รวมประมาณ 4.3 หมื่นล้านบาท
ซึ่งคิดเป็นเม็ดเงินลงทุนที่จะไหลเข้าหุ้นตัวใหม่เกือบ 700 ล้านบาท ขณะที่หุ้นที่ถูกหลุดออกไปจากดัชนี SET50 จะคิดเป็นเม็ดเงินไหลออกประมาณ 200 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีกเกือบ 500 ล้านบาท จะไหลออกจากหุ้นตัวอื่นๆ ในดัชนี SET50 ลดหลั่นกันไปตามมูลค่าตลาดของหุ้นแต่ละตัว
หุ้น 10 ตัวที่เสี่ยงเงินไหลออกมากที่สุด
ซึ่งเงินที่ไหลออกจากหุ้นแต่ละตัวในดัชนี SET50 นั้นไม่เพียงแต่พิจารณามูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาถึงมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันประกอบด้วย ดังนั้น หากเทียบกับมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จะพบว่ามี หุ้น 10 ตัว ที่คาดว่าจะมีเงินไหลออกเมื่อเทียบกับมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันมากที่สุด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- “AWC” แค่เปิดจอง IPO ก็จ่อเบียดหุ้น 10 ตัวหลุด SET50 – SET100
- AWC เคาะราคา IPO 6 บาท/หุ้น เตรียมเปิดจองซื้อ 25-27 ก.ย.นี้