พัฒนาไทยเทียบซิลิคอนวัลเลย์ คาดดึงดูดเงินลงทุน 5 พันล้าน
นางสาวทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้านโยบายพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีว่า ในโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ที่จะมีเขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัลประเทศไทย (Eastern Economic Corridor of Digital: EECd) หรือ Digital Park Thailand เป็นส่วนหนึ่งของ EEC นั้น ได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ DEPA เร่งดำเนินการตามนโยบายการขับเคลื่อนการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม และอุตสาหกรรมดิจิทัล โดยการพัฒนา Thailand Digital Valley บนพื้นที่ 30 ไร่ ใน EECd เพื่อดึงดูด สร้างแรงจูงใจ สร้างความเชื่อมั่น ให้เกิดการลงทุนในพื้นที่ โดยมุ่งสร้างความร่วมมือดำเนินงานร่วมกันระหว่างภาคเอกชน ภาคการศึกษา สถาบัน และภาครัฐ ในการสร้าง Digital Ecosystem และ Open Platform สำหรับเหล่า Startups ทั้งในและต่างประเทศ ตลอดจน ส่งเสริม สนับสนุนการออกแบบสินค้าและบริการดิจิทัลของธุรกิจชั้นนำ และ Startups

นางสาวทิพานัน กล่าวว่า ล่าสุด อีริคสัน (Ericsson) ซึ่งเป็นผู้นำเครือข่าย 5G ระดับโลก ให้บริการเครือข่าย 5G จำนวน 147 เครือข่ายใน 63 ประเทศทั่วโลก ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) กับ DEPA เพื่อขับเคลื่อนการทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชันผ่านการใช้เครือข่าย 5G ในประเทศไทย ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวจะประกอบด้วยการแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด ความรู้ความเข้าใจขั้นสูง และเทคโนโลยีล้ำสมัยของอีริคสันเพื่อเร่งเดินหน้าประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล โดยจะจัดตั้งห้องปฏิบัติการด้านนวัตกรรม (Innolab) ขึ้นใน Thailand Digital Valley จ. ชลบุรี เพื่อใช้เป็นศูนย์ทดสอบเครือข่าย 5G และศูนย์บริการสำหรับการทดสอบเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายและเครือข่ายใหม่ๆ อาทิ การแบ่งปันคลื่นความถี่ (Spectrum Sharing) ตลอดจนการพัฒนาแอปพลิเคชันและบริการดิจิทัลใหม่ๆ ในประเทศไทย
ผู้ได้สิทธิบัตรสวัสดิการที่ยืนยันตัวตนที่ธนาคารภายใน 26 มิ.ย. 66
นางสาวไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่กระทรวงการคลังได้ประกาศรายชื่อและเปิดให้ผู้ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 ดำเนินการยืนยันตัวตนที่ธนาคาร 3 แห่งนั้น ผู้ผ่านคุณสมบัติยังยืนยันตัวตนได้ตลอด โดยการดำเนินการที่ธนาคารกรุงไทยไม่มีกำหนดสิ้นสุด แต่ส่วนของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสินจะเปิดให้ยืนยันตัวตนถึงวันที่ 27 ส.ค. 2566 เท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในกรณีของผู้ผ่านคุณสมบัติตั้งแต่รอบแรกซึ่งกระทรวงการคลังเริ่มให้ยืนยันตัวตนมาตั้งแต่เดือนมี.ค. 66 เป็นต้นมานั้น หากยืนยันตัวตนภายในวันที่ 26 มิ.ย. 2566 นี้ จะยังได้รับสิทธิวงเงินสำหรับซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่ร้านธงฟ้าเดือนละ 300 บาท ย้อนหลังตั้งแต่เดือน เม.ย.-พ.ค. ทำให้ผู้ที่จะเริ่มใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2566 จะได้รับวงเงินส่วนนี้ทั้งสิ้น 1,200 บาท แต่หากยืนยันตัวตนหลังจากนั้น คือ ตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. 66 ซึ่งจะเริ่มใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 2566 เป็นต้นไป จะไม่ได้รับสิทธิวงเงินค่าซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคย้อนหลัง แต่จะได้รับเฉพาะวงเงินปกติตามสิทธิของเดือนที่เริ่มใช้สิทธิเท่านั้น
EXIM BANK จับมือกรมการค้าต่างประเทศ-ปปง. ยกระดับการดำเนินงาน
ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) กระทรวงพาณิชย์ และกรรมการ EXIM BANK และนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือด้านการป้องกันและปราบปรามการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง (Weapons of Mass Destruction : WMD) เพื่อใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญของแต่ละหน่วยงานร่วมมือกันอย่างมีบูรณาการ เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นของนานาชาติต่อการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลเพื่อป้องกันและปราบปรามการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูงของประเทศไทย ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2566

ความร่วมมือในครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากรายงานผลการประเมินการปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน และการต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายและการแพร่ขยายอาวุธที่มีอานุภาพทําลายล้างสูง (Anti-Money Laundering, Combating the Financing of Terrorism and the Proliferation of Weapons of Mass Destruction : AML/CFT/WMD) ของประเทศไทยในปี 2560 ระบุว่า ประเทศไทยได้รับผลการประเมินด้านประสิทธิผลเรื่องการกำกับ ตรวจสอบ และการดำเนินมาตรการเพื่อป้องกัน WMD ในระดับต่ำ ประเทศไทยจึงมีเป้าหมายที่จะยกระดับผลการประเมินด้านดังกล่าวซึ่งจะเกิดขึ้นครั้งต่อไปในปี 2569 หรืออีก 3 ปีข้างหน้า ให้อยู่ในระดับที่ดีขึ้น
สรรพสามิตเร่งปรับเปลี่ยนเดินหน้ายกระดับการทำงานมาตรฐานสากลทั้งระบบ
ดร.เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมสรรพสามิต เป็นประธานเปิดงาน “EASE Excise Showcase Day” พร้อมด้วยคณะผู้บริหารระดับสูง และที่ปรึกษาโครงการฯ ร่วมกิจกรรมการนำเสนอผลงานของ EASE Excise Showcase 16 โปรเจกต์ เพื่อยกระดับการทำงานที่ขับเคลื่อนจากกลยุทธ์ EASE Excise สู่การปฏิบัติ และต่อยอด รองรับเทรนด์โลกในเรื่องการลดภาวะก๊าซเรือนกระจก พร้อมทั้งปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานเดินหน้าสู่มาตรฐานสากล เพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้ประเทศ อีกทั้งใช้นโยบายภาษีส่งเสริมสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ เดินหน้าประเทศไทยสู่ความยั่งยืน

EASE Excise Showcase 16 โปรเจคนี้ ได้มีการรับฟัง pain point จากทั้งภายในองค์กร ประกอบด้วยผู้บริหาร และเจ้าหน้าที่กรมสรรพสามิต อีกทั้งภายนอกองค์กร อาทิ ผู้ประกอบการ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น เพื่อให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ยกระดับการบริการ สู่การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพร่วมกัน รวมถึงการขับเคลื่อนตามนโยบายเรื่องภาษีในมิติ ESG รองรับเทรนด์การเปลี่ยนแปลงของโลก ณ อาคารอเนกประสงค์ กรมสรรพสามิต เมื่อเร็วๆ นี้
รถไฟฟ้าสายสีชมพูช่วงแคราย-มีนบุรี คืบหน้ากว่า 96.73% คาดเปิดบริการ พ.ย.นี้
อีกไม่นานเกินรอสำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี ที่เป็นระบบรถไฟรางเดี่ยว หรือโมโนเรล ขณะนี้ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว ปัจจุบันมีความก้าวหน้าโดยรวม 96.73 % แยกเป็นงานโยธาดำเนินการไปแล้ว 96.57 % งานระบบรถไฟฟ้า 96.88 % คาดว่าจะสามารถทยอยเปิดให้ประชาชนใช้บริการได้ในช่วงเดือน พ.ย.นี้

เส้นทางนี้ เป็นอีกหนึ่งเส้นทางหลักที่เชื่อมจากศูนย์ราชการนนทบุรี – มีนบุรี ระยะทางกว่า 34.5 กิโลเมตร มี 30 สถานีหลัก และอีก 2 สถานีต่อขยาย สามารถเชื่อมต่อรถไฟฟ้าเปลี่ยนสายได้ถึง 4 สาย ได้แก่
- สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายฉลองรัชธรรม (สายสีม่วง) ช่วงบางใหญ่ – บางซื่อ
- สถานีหลักสี่ เชื่อมต่อกับโครงการระบบรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ – รังสิต
- สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ เชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงหมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต
- สถานีมีนบุรี สามารถเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี
หากแล้วเสร็จจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการเดินทางของประชาชนช่วยระบายผู้ใช้รถใช้ถนน ลดปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนแคราย-มีนบุรี ประหยัดเวลา สะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย ลดมลพิษ ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตและส่งเสริมการขยายตัวของเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจในอนาคต