HomeBT NewsBusiness Today Thai Politics 22 สิงหาคม 2566 / ภาคบ่าย

Business Today Thai Politics 22 สิงหาคม 2566 / ภาคบ่าย


“ศาลฎีกา” ตัดสินโทษจำคุก “ทักษิณ” 8 ปี คุมตัวเข้าเรือนจำทันที

วันนี้ (22 ส.ค.2566) ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง พ.ต.อ.คมวุฒิ จองบุญวัฒนา ผู้กํากับการด่านตรวจคนเข้าเมือง ท่าอากาศยานกรุงเทพ กองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 ได้นํา ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี บุคคลตามหมายจับมาส่งต่อศาล ผู้รับมอบอํานาจโจทก์ทั้งสามคดียืนยันว่า บุคคลที่อยู่ต่อหน้าศาลเป็นจําเลย หรือจําเลยที่ 1 จําเลย หรือจําเลยที่ 1 รับว่าเป็นจําเลยในคดีทั้งสาม ศาลออกหมายจําคุกเมื่อคดีถึงที่สุดในแต่ละคดีแล้ว ทั้งนี้ สำหรับ 3 คดีที่ทักษิณจะได้รับโทษจำคุกรวมระยะเวลา 8 ปี โดยหลังฟังคำพิพากษาแล้วเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนำส่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ทันที

- Advertisement -


โดยคดีประกอบด้วย
(1) คดีหมายเลขดําที่ อม. 3/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 ระหว่าง คณะกรรมการ ตรวจสอบการกระทําที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ผู้เข้าเป็นคู่ความแทน โจทก์ ทักษิณ ชินวัตร จําเลย
(2) คดีหมายเลขดําที่ อม. 1/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ระหว่าง คณะกรรมการ ตรวจสอบการกระทําที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ผู้เข้าเป็นคู่ความแทนโจทก์ ทักษิณ ชินวัตร ที่ 1 กับพวกรวม 47 คน จําเลย
(3) คดีหมายเลขดําที่ อม. 4/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/2551 ของศาลนี้ ระหว่างอัยการสูงสุด โจทก์ ทักษิณ ชินวัตร จําเลย จึงรับตัวจําเลยหรือจําเลยที่ 1 ในคดีทั้งสามคดีดังกล่าวไว้

ศาลได้แจ้งให้จําเลย หรือจําเลยที่ 1 ทราบคําพิพากษาแล้ว โดยคดีหมายเลขดําที่ อม. 3/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 ลงโทษจําคุก 3 ปี (สามปี)

คดีหมายเลขดําที่ อม. 1/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 ลงโทษจําคุก 6 ปี (สองปี) และคําพิพากษาคดีหมายเลขดําที่ อม. 4/2551 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 5/2551 ลงโทษจําคุกรวม 5 ปี (ห้าปี)

นับโทษจําคุกของจําเลยต่อจากโทษจําคุกของจําเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 4/2551 และต่อจากโทษจําคุกของจําเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ อม. 10/2552 รวมทั้ง 3 คดีจำคุก 8 ปี


“ลูกท็อป” เผยความรู้สึก “ทักษิณ” เหมือนญาติผู้ใหญ่ ครอบครัวสนิทสนมกัน

วราวุธ ศิลปอาชา หรือ “ลูกท็อป”หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวว่า ครอบครัวศิลปอาชากับครอบครัวของอดีตนายกทักษิณ มีความใกล้ชิดกันมาตั้งแต่สมัยพ่อบรรหาร เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง ดังนั้นเมื่อได้กลับแผ่นดินเกิด เราก็ยินดีกับครอบครัวชินวัตร ตนเอง รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก เปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่ ดังนั้นวันนี้ที่มารับก็เหมือนมารับญาติผู้ใหญ่ อีกทั้งนายกทักษิณ ยังได้ เป็นประธานงานแต่งงานของตนด้วย


เมื่อถามว่ามีโอกาสได้บินไปหาหรือไม่ วราวุธ กล่าวว่า ไม่มีโอกาส ได้แต่เพียงติดต่อทางโทรศัพท์บ้าง ไม่ได้เจอกันเป็นการโทรทางไกลแต่ไม่ได้เจอกัน และส่วนใหญ่ก็เป็นการ ติดต่อผ่านผู้ใหญ่ของพรรคเพื่อไทยมากกว่า เพราะ ต้นเป็นเด็กจะไปทันทีก็กระไรอยู่ และการเดินทางกลับของนายทักษิณครั้งนี้ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี เพราะท่าน จากบ้านเกิดไปนานกว่า 17 ปี

ฉะนั้นการที่ท่านกลับมาถึงหลายอย่างก็น่าจะหลายสิ่งหลายอย่างก็น่าจะคลี่คลายไปในทางที่ดี และอาจจะเป็นจุดจบของความขัดแย้ง และเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาประเทศไปในทางที่ดีขึ้น ส่วนตนเองคิดว่า อะไรก็แล้วแต่ที่เป็นไปตามครรลองก็น่าจะเป็นการพัฒนาไปในทิศทางที่ดี


“ภูมิธรรม” ดีใจ “ทักษิณ” กลับไทย เป็นกำลังใจให้ “เพื่อไทย” ทำงาน

ภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ระหว่างเดินทางมาต้อนรับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับประเทศไทย ว่า นายทักษิณอยู่ต่างประเทศ ห่างบ้านห่างจากครอบครัวนานพอสมควร วันนี้ได้เจอก็ดีใจ ก็คงไม่ต่างจากประชาชนหลายๆ คนที่รู้สึก ที่ได้เห็นนายทักษิณกลับมาอยู่กับครอบครัวและพี่น้องประชาชน ซึ่งท่านก็ต้องเข้าสู่กระบวนการตามกฎหมาย


และเชื่อว่า จากความบริสุทธิ์ใจของ ทักษิณ ในการทำงานที่ผ่านมา ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ทุกคนยังรอคอย และทักษิณ เป็นทรัพยากรที่มีประโยชน์กับประเทศมาก และสามารถคืนอะไรหลายๆ อย่างให้กับสังคมไทยได้ ทุกอย่างจะไปได้ราบรื่น วันนี้ตนไม่ได้พูดอะไรกับนายทักษิณ แค่ได้จับมือได้มองหน้ากัน ก็ส่งความรู้สึกที่ดีต่อกัน เป็นกำลังใจและอบอุ่นมาก

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนายทักษิณเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว จะมีการเดินทางไปพบหรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ถ้ามีอะไรที่เราสามารถทำได้ก็ยินดี พวกเราทุกคนใจอยู่กับนายทักษิณ ก็อยากให้นายทักษิณรู้รอดปลอดภัย ผ่านกระบวนการต่างๆ ไปได้ด้วยดี

เมื่อถามว่า เป็นห่วงสุขภาพของนายทักษิณหรือไม่ภูมิธรรม กล่าวว่า จากที่ดูสีหน้า มีสุขภาพแข็งแรง ยิ้มแย้มแจ่มใส รู้สึกว่าทักษิณดีใจมาก เพราะคงไม่นึกว่าจะมีวันนี้

เมื่อถามว่า การที่ทักษิณกลับมาวันนี้ จะส่งผลอะไรกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่าที่ส่งผลแน่ คือ เป็นกำลังใจการทำงานให้กับพวกเราทุกคน เพราะทักษิณเป็นบุคลากรที่มีคุณภาพของประเทศไทย ด้วยหัวใจเมื่อเราเห็นท่านกลับมา เราก็รู้สึกว่าคนที่มีคุณค่ากับสังคมไม่มีวันตาย วันนี้ถือเป็นวันที่ดีมากๆ ของพี่น้องคนไทยและนักการเมืองทุกฝ่ายเพื่อที่จะเดินหน้าต่อไปเพื่อให้ประเทศผ่านวิกฤติและความขัดแย้งต่างๆ ไปได้ด้วยดี

เมื่อถามว่า การปรากฏตัวของทักษิณครั้งนี้ จะช่วยทำให้ ส.ว.ยกมือโหวตให้กับนายกฯ พรรคเพื่อไทย หรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องการปรากฏตัวของนายทักษิณ ก็เชื่อว่า ทำให้กำลังใจของพรรคเพื่อไทยกลับมา แต่คงไม่ได้มีผลอะไรมาก เพราะท่านก็ทำหน้าที่ของท่าน ส่วนเรื่องการโหวตนายกฯ จากการที่มีแถลงพรรคร่วมรัฐบาลไปเมื่อวันที่ 21 ส.ค. 66 เหตุผลต่างๆ ก็ได้พูดไปหมดแล้ว แม้จะมีเสียงสนับสนุนและไม่สนับสนุน แต่ตนเชื่อว่า อนาคตข้างหน้าจะคลี่คลายด้วยตัวมันเอง ขณะนี้เรามีหน้าที่เดียวคือตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ให้ผลออกมา เพื่อประโยชน์ประชาชน


“โรม” ถอนญัตติเปิดทางสภาฯเสนอชื่อ “เศรษฐา” เป็นนายกฯคนที่ 30

วันนี้(22 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.30 น.การประชุมร่วมรัฐสภา วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม โดยมีวาระการโหวตนายกรัฐมนตรี โดยขณะเริ่มประชุมมีสมาชิกลงชื่อเข้าประชุมครบองค์ประชุม 506 คน เกินครึ่งของสมาชิกรัฐสภาที่มีอยู่ ทำให้สามารถเปิดประชุมได้


วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่าเมื่อวันที่ 4 ส.ค.รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้เสนอให้ที่ประชุมพิจารณาทบทวนมติการเสนอชื่อบุคคลที่สมควรได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีซ้ำ ตนเห็นว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยปกติสภาฯจะยังไม่พิจารณาจนกว่าจะมีคำสั่งศาล ตนเห็นว่าอาจจะละเมิดศาลได้ จึงใช้อำนาจประธาน เลื่อนประชุมไปก่อน ดังนั้นวันนี้หากติดใจขอให้รังสิมันต์ เสนอให้หารือได้

รังสิมันต์ ลุกขึ้นอภิปรายว่า ปัญหาคือโดยหลักการ เมื่อเสนอไปแล้วรัฐสภาต้องพิจารณา แต่ปรากฏว่าในเอกสารสภา เรื่องระเบียบวาระ ไม่ได้ปรากฏว่าจะมีการเสนอญัตติของตน จึงอยากสอบถามเบื้องต้นว่าเพราะเหตุใดจึงไม่มีการบรรจุระเบียบวาระที่ขอให้มีการทบทวนมติของรัฐสภาในการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีซ้ำ

โดยการประชุมที่ได้มีการลงมติแล้วนำไปสู่การเสนอญัตติด้วยวาจา เพื่อให้ที่ประชุมรัฐสภาเพิกถอนมติที่เคยลงไว้เมื่อวันที่ 19 ก.ค. ในการตีความระเบียบรัฐสภาข้อที่ 41 โหวตนายกรัฐมนตรีซ้ำไม่ได้ แต่มีนักวิชาการหลายคนออกมาท้วงติงว่าการตีความดังกล่าวไม่ถูกต้องและภายหลังจากที่รัฐสภามีมติออกมาแล้วเสียงคัดค้านที่ดังออกมาก็ยิ่งหนักแน่นมากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะแถลงการณ์ไม่เห็นด้วย ที่ให้มติประชุมรัฐสภาใหญ่กว่ารัฐธรรมนูญ จาก 115 คณาจารย์คณะนิติศาสตร์จากหลายมหาวิทยาลัย โดยให้เหตุผลว่ากระบวนการในการเลือกนายกรัฐมนตรีบัญญัติอยู่ในรัฐธรรมนูญเป็นการเฉพาะต่างจากญัตติทั่วไป

รังสิมันต์ ได้ลุกขึ้น ขอถอนญัตติด่วนด้วยว่าจาดังกล่าว เพื่อให้รัฐสภา สามารถเดินหน้าเข้าสู่วาระการประชุมรัฐสภา เพื่อพิจารณาบุคคลดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป

จากนั้นน.พ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคฯ ได้ลุกขึ้นเสนอชื่อเศรษฐา ทวีสิน บุคคลที่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 88 พร้อมยืนยันว่า เศรษฐา มีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ จึงขอให้ที่ประชุมรัฐสภา พิจารณาตามขั้นตอนต่อไป


“สุเทพ”เฮอุทธรณ์ฯยืนยกฟ้องคดีโรงพัก-สร้างแฟลตตำรวจ

วันนี้ (22 ส.ค.2566) ที่ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สนามหลวง ศาลนัดอ่านคำพิพากษาชั้นวินิจฉัยอุทธรณ์ คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี พร้อมพวก 6 คน ในคดีร่วมกันกระทำผิดต่อหน้าที่ราชการในการจัดจ้างโครงการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน และโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก หรือแฟลตตำรวจ รวมมูลค่าความเสียหายเกือบ 5.8 พันล้านบาท


ต่อมาเมื่อ 11.30 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายืนยกฟ้องนายสุเทพ กับพวก 6 คน โดยศาลระบุได้พิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วยืนยกฟ้องนายสุเทพพร้อมพวก เห็นว่า การกระทำของนายสุเทพที่ได้อนุมัติโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ 396 แห่งเมื่อเดือนมิถุนายน 2552 โดยมิได้เสนอคณะรัฐมนตรีอนุมัติเป็นดุลยพินิจที่สามารถทำได้ ไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบสัญญเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ให้เป็นผู้มีสิทธิ์ทำสัญญากับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ
เพราะเชื่อได้ว่าเจ้าของโครงการได้ศึกษารายละเอียดมาเป็นอย่างดีแล้ว จึงไม่ได้เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 การกระทำของโจทก์ตามฟ้องจึงฟังไม่ขึ้น

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News