HomeBT Newsกลุ่มเจ มาร์ท ตั้งเป้าทำลายสถิติกำไรสูงสุดในปีนี้

กลุ่มเจ มาร์ท ตั้งเป้าทำลายสถิติกำไรสูงสุดในปีนี้

กลุ่มเจมาร์ท ตั้งเป้าทำกำไรทะลุ 490 ล้านบาทในปี 62 ซึ่งจะเป็นการทำลายสถิติที่เคยทำกำไรสูงสุดในปี 60 หลังแนวโน้มบริษัทย่อยในเครือมีการเติบโตกันถ้วนหน้า

บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ JMART นำโดยนายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, นายปิยะ พงษ์อัญชา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  และ นายปัญญา ชุติสิริวงศ์ ผู้อำนวยการสายงานนักลงทุนสัมพันธ์ เข้าชี้แจงผลดำเนินงานไตรมาส 2/62 ในงาน “Opportunity Day บริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน” จัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)

นายอดิศักดิ์ สุขุมวิทยา กล่าวว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในเครือเจมาร์ท อย่าง Jmart mobile , JMB, Jas Asset และ Singer ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมามีดังนี้

- Advertisement -

1.Jmart mobile ทางกลุ่มจะพยายามสร้างกำไรเรื่องยอดขาย โดยจะสร้างกำไรในส่วนมือถือให้ได้มากที่สุด และยังจะมีการร่วมมือกับเอไอเอสเหมือนเดิมในช่วงครึ่งปีหลังนี้ โดยเชื่อว่าเมื่อเข้าสู่ช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งเป็นฤดูกาลขายโทรศัพท์มือถือจะสามารถสร้างยอดขายได้เป็นอย่างดี

2.JMB เป็นธุรกิจที่มีผลประกอบการดีที่สุดของกลุ่มในช่วง 2 ไตรมาสแรกที่ผ่านมา โดยมีกำไรอย่างชัดเจน และมีแนวโน้มกำไรเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา

3.Jas Asset ไตรมาสที่ผ่านมายังคงขาดทุน เพราะยังอยู่ในช่วงจ่ายเงินลงทุนและดอกเบี้ย ซึ่ โดยช่วงไตรมาส 4 นี้ จะมีการโอนโครงการคอนโดมิเนียมทำให้จะมียอดรับรู้ผลกำไร โดยจะช่วยให้ผลประกอบการที่ติดลบกลับมาบวกได้ทั้งปี ขณะเดียวกันธุรกิจเช่าพื้นที่เป็นธุรกิจระยะยาว โดยมั่นใจว่าจะยังสามารถสร้างกำไรได้ในอนาคต

4.Singer เป็นธุรกิจที่สร้างกำไรต่อเนื่องมา 5 ไตรมาสติดต่อกัน โดยในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ยังได้มีการเพิ่มทุน ทำให้จะเริ่มขยายคาร์ฟอร์แคช ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสร้างผลกำไรให้กับกลุ่มเจมาร์ท ได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ขณะที่ เจ อเวนเจอรส์ จะกลายเป็นความหวังใหม่ของกลุ่มเจ มาร์ท เนื่องจากทำธุรกิจเชิงอนาคต เช่นดิจิทัลแพลตฟอร์ม แต่ยังต้องใช้เวลาในการยอมรับจากคนจำนวนมาก เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้จะได้รับการยอมรับ เนื่องจากสามารถเข้าถึงคนจำนวนมากในวงเงินไม่มาก แต่ยังต้องพิสูจน์ว่าจะสามารถเกิดขึ้นได้จริงหรือไม่ ซึ่งเราได้ดำเนินงานมาแล้วกว่า 2 ปี และมีความมั่นใจในธุรกิจของ เจ อเวนเจอร์ส เป็นอย่างมาก เนื่องจากได้มีโอกาสร่วมงานกับธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ในการคิดค้นการให้บริการรูปแบบต่าง ๆ บนแพลตฟอร์มดิจิทัล

จากภาพรวมการดำเนินงานที่ผ่านมาในช่วงครึ่งปีแรกนับว่าเป็นที่น่าพึงพอใจ โดยในครึ่งปีหลังกลุ่ม เจ มาร์ท มั่นใจว่าจะสามารถทำผลประกอบการออกมาได้ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้า

ทำกำไรมากกว่า 490 ล้าบาท ในปี 62 ซึ่งในปี 60 บริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิ 490 ล้านบาท นับเป็นสถิติที่สูงสุดเท่าที่กลุ่ม เจ มาร์ท เคยทำได้ โดยขณะนี้ผ่านครึ่งแรกของปี บริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิอยู่ที่ 255 ล้านบาท

นายปัญญา ชุติสิริวงศ์ กล่าวต่อว่า ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา กลุ่มเจ มาร์ท มีกำไรสุทธิ 137 ล้านบาท เติบโตขึ้น 200% เนื่องจากได้มีการร่วมมือเป็นพาร์ทเนอร์กับเอไอเอส ทำให้เจฟินเทค มีกำไรต่อเนื่องมาโดยตลอด ซึ่งในช่วงครึ่งหลังของปียังคงเดินหน้าร่วมมือกับเอไอเอสอย่างต่อเนื่อง โดยเชื่อว่าครึ่งหลังของปียังมีปัจจัยบวกที่จะทำให้กลุ่มเจ มาร์ท สามารถทำกำไรสูงสุดของบริษัทฯ ได้

ส่วนอีกปัจจัยที่จะเข้ามาช่วยสนับสนุนคือ Singer ที่คาดว่าจะมีการเติบโตต่อเนื่อง และจะช่วยดันผลประกอบการให้กลุ่มเจมาร์ทได้ นอกจากนั้นช่วงไตรมาส 4 ของทุกปี เป็นช่วงขาขึ้นของธุรกิจมือถืออีกด้วย ซึ่งกลุ่มเจ มาร์ท จะมียอดขายโทรศัพท์มือถือเพิ่มขึ้นในช่วงนั้นอีกด้วย และยังมีโครงการคอนโดมิเนียม ที่จะมีการโอนกรรมสิทธิ์เสร็จสิ้นในช่วงไตรมาส 4 ทั้งหมดที่กล่าวมาเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยบวกหนุนกลุ่มเจ มาร์ท ทำกำไรสูงสุดนับแต่ก่อตั้งบริษัทฯมาได้อย่างแน่นอน

ด้าน นายปิยะ พงษ์อัญชา กล่าวว่า ในช่วงครึ่งหลังของปี Singer จะสามารถเพิ่มการขายได้มากขึ้นและสามารถเก็บหนี้ได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้หนี้เสียมีอัตราลดลง เนื่องจากกลุ่มเจ มาร์ท ได้มีจากการพัฒนาระบบเทคโนโลยี เข้ามาช่วยเหลือในการจัดการต่าง ๆ และยังช่วยอนุมัติสินเชื่อได้เร็วขึ้นอีกด้วย

ขณะที่เจฟินเทค มีนโยบายคือการรักษาลูกค้าเก่า และตรวจสอบลูกค้าใหม่ให้เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งเราเริ่มมีสถิติต่าง ๆ ของลูกค้าเพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน ซึ่งในอนาคต เจ ฟินเทค จะสามารถหาลูกค้าผ่านช่องทางดิจิทัลตรงไปยังลูกค้า เปลี่ยนจากการใช้เอเยนต์ในปัจจุบัน เชื่อว่าจะทำให้มีลูกค้าไม่ต่ำกว่า 10,000 คน/วัน

ส่วน นายนราธิป วิรุฬห์ชาตะพันธ์ กล่าวปิดท้ายว่า ในส่วยของ Jmart mobile ที่ผ่านมามักขายโทรศัพท์มือถือเป็นสินค้าหลักคิดเป็นกว่า 95% ของยอดขายทั้งหมด โดยในช่วงครึ่งหลังของปีจะเพิ่มการขายอุปกรณ์เสริมมากขึ้น โดยปัจจุบันมีจำนวนสาขา 191 สาขา ลดลง 15 สาขา เนื่องจากได้มีการปิดสาขาที่ไม่สามารถสร้างกำไรลง

ทั้งนี้ ช่วงครึ่งปีแรกได้มีการทำแคมเปญไม่พอใจเปลี่ยนเครื่องได้ ซึ่งช่วยกระตุ้นการขายปลีกในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยแม้ตลาดจะมีการแข่งขันรุนแรง และยังมีแคเปญได้เวลาเปลี่ยนเก่าแลกใหม่ฟรี ทำให้ผู้บริโภคถูกกระตุ้นให้เปลี่ยนเครื่องใหม่เพิ่มขึ้น ได้ร่วมกับพาร์ทเนอร์ 5 ราย ในการนำข้อเสนอส่วนลดค่าเครื่องโทรศัพท์ ผลเดือนแรกมียอดเปลี่ยนเครื่องมากกว่า 2 เท่า ซึ่งเป็นผลตอบรับที่ดี

ส่วนไตรมาส 3 กลยุทธ์ที่จะช่วยเพิ่มยอดข่ยคือเพิ่มการขายอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ และยังจะมีการปรับโฉม IOT Store ร้านค้าใหม่ที่ห้างสรรพสินค้าเมกะบางนา โดยมีการลดจำนวนสินค้าสมาร์ทโฟนลง เพิ่มสินค้าใกล้ตัวอย่างนาฬิกา เช่นซัมซุงวอช อีกส่วนคือ IOT ที่ช่วยให้โทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ เชื่อมต่อไวไฟได้ดีขึ้น รวมไปถึงกล้องวงจรปิดที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือได้ ซึ่งเป็นสินค้าที่มีอยู่ใน IOT Store ด้วยเช่นกัน

ราคาหุ้น JMARTก่อนปิดตลาดซื้อขายในวันที่ 22 ส.ค.62 อยู่ที่ 11.80 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้นจาก 11.40 บาท/หุ้น (+3.51%) เมื่อวันที่ 23 ส.ค.62

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News