HomeBT Newsบิ๊กซี โลตัส ปรับกลยุทธ์ ย่อไซส์ ขยายสาขา ชิงปักหมุดเมืองรองแข่ง 7-11

บิ๊กซี โลตัส ปรับกลยุทธ์ ย่อไซส์ ขยายสาขา ชิงปักหมุดเมืองรองแข่ง 7-11

ภาพรวมเศรษฐกิจไทยช่วงที่ผ่านมาต่อเนื่องมายังปี 2562 ยังคงอยู่ในภาวะซบเซา ส่งผลให้ผู้บริโภคต้องระมัดระวังการใช้จ่ายเงิน ประกอบพฤติกรรมของผู้คนในโลกยุคดิจิทัล ต่างหันมาซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพื่อความสะดวกสบายมากขึ้น เหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น ถือเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้ประกอบการห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ต้องจัดกระบวนทัพ ปรับกลยุทธ์เพื่อสู้ศึกชิงส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย

ปัจจุบัน ร้านสะดวกซื้อที่มีขนาดเล็ก อย่าง 7-11 มีสาขากระจายอยู่ทั่วประเทศตามแหล่งชุมชนใหญ่ๆ และหัวเมืองหลักถึง 10,988 สาขา ในปีนี้ 7-11 จะยังคงใช้แผนตามสไตล์เดิม นั่นก็คือกลยุทธ์ “จากเมืองสู่ป่า ใช้ป่าล้อมเมือง” เสมือนการวางหมากให้เต็มหน้ากระดานด้วยการขยายเพิ่มอีก 700 สาขา ซึ่งเมื่อย้อนดูตัวเลขงบการเงินของปี 2561 ที่ผ่านมา 7-11 สามารถกวาดรายได้รวมไปถึง 308,843 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8% มีกำไรสุทธิ 19,944 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 20%

การขยายสาขาของร้านสะดวกซื้อที่มีขนาดเล็ก มีจุดเด่นหลายข้อที่ได้เปรียบกว่าการขยายสาขาห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ เพราะ 1. สามารถก่อสร้างได้เร็ว ขยายตัวได้ไว 2. หาทำเลที่ดีได้ง่ายกว่าการเลือกหาทำเลดีแต่ต้องมีพื้นที่ขนาดใหญ่ 3. ร้านขนาดเล็ก 1 สาขา ใช้เงินลงทุนโดยประมาณเพียง 1-3 ล้านบาทเท่านั้น ขณะที่ห้างค้าปลีกแบบไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดกลางจะใช้เงินลงทุน 100-200 ล้านบาท และหากเป็นห้างขนาดใหญ่ที่ใช้พื้นที่เฉลี่ย 10,000 ตางรางเมตรขึ้นไป จะต้องใช้เงินลงทุนสูงถึง 1,000 ล้านบาท ทั้งหมดนี้ เลยเป็นที่มา ที่ทำให้ทั้ง บิ๊กซี และเทสโก้ โลตัส ต่างก็หันมาใช้กลยุทธ์ย่อไซส์ ขยายสาขา เน้นขยายธุรกิจร้านค้าปลีกขนาดเล็กเพิ่มมากขึ้นตามพื้นที่จังหวัดเมืองรองที่ใช้เงินลงทุนไม่มาก และตลาดผู้บริโภคยังมีโอกาสขยายตัวอีกมากและมีกำลังซื้อสูง หลังจากที่เจ้าตลาดร้านสะดวกซื้อ อย่าง 7-11 ได้ชิงปักหมุดตามหัวเมืองหลักและเมืองรองขนาดใหญ่นำลิ่วไปก่อน

- Advertisement -

ส่องดูแผนเชิงรุกของบิ๊กซีกันบ้าง จากเดิมที่มีห้างค้าปลีกขนาดใหญ่ทั่วประเทศ 348 สาขา และมีร้านค้าสะดวกซื้อขนาดเล็ก อย่าง มินิ บิ๊กซี และร้ายขายยาในเครือ 700 สาขา ปีนี้ บิ๊กซี จะเน้นใช้กลยุทธ์ขยายมินิ บิ๊กซี เพิ่มขึ้นเป็นหลักอีก 200 สาขา จุดเด่นของมินิ บิ๊กซี ที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดจากคู่แข่งอย่าง 7-11 คือ ราคาสินค้าหลายรายการมีราคาถูกกว่า รายได้รวมของปี 2561 ที่ผ่านมา บิ๊กซีกวาดรายได้ไป 172,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.7% มีกำไรสุทธิ 6,649 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8%


สำหรับแผนการตลาดของเทสโก้ โลตัส ปีนี้ มีการเบนเข็มหันมาขยายสาขาร้านค้าปลีกขนาดเล็กเช่นเดียวกัน แต่จะใช้กลยุทธ์เร่งปรับโฉม “เทสโก้ โลตัส เอ็กซ์เพรส” ที่มีอยู่ทั้งหมด 1,600 สาขาทั่วประเทศ ให้เป็นรูปแบบใหม่ ควบคู่ไปกับการขยายสาขาเพิ่มขึ้นอีก 250 สาขา ซึ่งรูปโฉมใหม่นี้ จะเน้นขายอาหารพร้อมรับประทานที่มีให้เลือกหลากหลายเมนูมากขึ้น, เอาใจคอกาแฟ ด้วยการขายเครื่องดื่มตามสั่งภายในร้าน และจะให้บริการส่งพัสดุได้ตลอด 24 ชม. เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองและเพื่อชิงส่วนแบ่งตลาดจากแบรนด์คู่แข่งอย่าง 7-11 ซึ่งในส่วนรายได้รวมของปี 2561 เทสโก้ โลตัส มีรายได้ 198,315 ล้านบาท ลดลงจากปี 2560 อยู่ 9.3% ส่วนกำไรสุทธิ 9,628 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.6%

ซึ่งทั้งหมดนี้ คือ แนวทางของร้านสะดวกซื้อจากแต่ละแบรนด์ ที่ทยอยปรับโฉม ย่อไซส์ ลดขนาด สร้างจุดเด่น เพื่อให้เข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคที่พร้อมจะจ่ายเงินซื้อสินค้าภายในร้านให้ได้มากที่สุด

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News