HomeBT News"พรเทพ พรประภา" ห่วงเศรษฐกิจไทยซึมยาวหนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้ง

“พรเทพ พรประภา” ห่วงเศรษฐกิจไทยซึมยาวหนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้ง

สยามกลการ แนะภาคการเกษตรไทยชี้ต้องพัฒนาหนีคู่แข่งที่เร่งเครื่องตามไทย ล่าสุดคิกออฟ สยามคันทรีคลับ พัทยา โรลลิ่งฮิลส์ หวังทำรายได้ 260 ล้านบาทใน 1 ปี พร้อมแย้มแผนลงทุน ออฟฟิส บิลดิ้ง ย่านปทุมวัน

ดร.พรเทพ พรประภา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามกลการ จำกัด เปิดเผยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจในช่วง 2-3 ปีนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับวิกฤตเศรษฐกิจปี 1997 (วิกฤตต้มยำกุ้ง) สถานการณ์เศรษฐกิจในช่วงเวลานี้ที่ทั้งประเทศไทยและทั้งโลกกำลังประสบอยู่ถือว่าแย่กว่าเมื่อเทียบกับวิกฤตต้มยำกุ้งอย่างมาก เนื่องจากความรุนแรงนั้นต่อเนื่องยาวนาน

นอกจากนี้ ย้อนกลับไปตั้งแต่สงครามการกีดกันทางการค้า จีนสหรัฐ, การถอนตัวออกจากสหภาพยุโรปของ อังกฤษ (Brexit), ปัญหาความรุนแรงในตะวันออกกลาง, สถานการณ์ความตรึงเครียด สหรัฐอีหร่าน, สถานการณ์ไฟไหม้ป่าในออสเตรเลีย, ไวรัสชนิดใหม่จากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน เหล่านี้เป็นประเด็นทั้งในเชิงเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมที่ส่งผลกระทบในภาพรวมทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย

- Advertisement -

ขณะที่ อุตสาหกรรมสมัยใหม่ อาทิ ผู้ผลิตสินค้านวัตกรรม, ผู้ผลิตสินค้าทางด้านเทคโนโลยี ยังพอมีแนวโน้มเติบโต ขณะที่อุตสาหกรรมอื่นๆนั้นอาจทรงตัวหรือชะลอตัวจากผลกระทบดังกล่าวข้างต้น อย่างไรก็ตาม ในอุตสาหกรรมหลักของประเทศอย่าง ภาคการเกษตร จะต้องมีการปรับตัวอย่างมาก เนื่องจากประเทศคู่แข่งในภูมิภาคอย่าง เมียนมา และ เวียดนาม กำลังเน้นหนักในด้านนี้

เดิมที เมียนมา และ เวียดนาม ยังไม่มีการส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรเนื่องจากการผลิตเพื่อการบริโภคในประเทศช่วงก่อนหน้านี้ยังไม่เพียงพอจึงส่งผลให้ประเทศไทยอาจเรียกได้ว่าเป็นประเทศที่ผูกขาด (Monopoly) การส่งออกผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรมาอย่างยาวนาน แต่ถึงวันนี้ถ้าหากไทยยังไม่ปรับตัวอาจะได้รับผลกระทบในอุตสาหกรรมหลักของประเทศในอนาคตอันใกล้

สยามคันทรีคลับ พัทยา โรลลิ่งฮิลส์

นายพรเทพ กล่าวถึงความคืบหน้าโครงการสนามกอล์ฟ สยามคันทรีคลับ พัทยา โรลลิ่งฮิลส์ ว่า โครงการดังกล่าวได้เปิดให้บริการเต็มรูปแบบ 100% แล้วในเดือน .. 2020 โดยเชื่อว่าการเปิดให้บริการสนามกอล์ฟแห่งนี้จะส่งผลดีต่อการท่องเที่ยวและการกีฬาเมืองพัทยา ซึ่งคาดว่าจะมีรายได้ราว 260 ล้านบาท ภายใน 1 ปีจากนี้

ทั้งนี้ สนามกอล์ฟดังกล่าวถือเป็นสนามที่ 4 ใช้เงินลงทุนรวม 2,730 ล้านบาท แบ่งเป็นงบประมาณในการก่อสร้าง 750 ล้านบาท และมูลค่าที่ดิน 1,980 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกันกับทั้ง 3 สนามของ สยามคันทรีคลับ พัทยา ได้แก่ Old Course, Plantation และ Waterside โดยคาดว่าสนามแห่งนี้จะเป็นแหล่งดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติผู้ชื่นชอบกีฬากอล์ฟจากทวีปเอเชียและยุโรป อาทิ ญี่ปุ่น, เกาหลี, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ รวมถึงกลุ่มบริษัทต่างๆ ในประเทศไทย ที่จัดกิจกรรมกอล์ฟรายการสำคัญเพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านธุรกิจ

นับตั้งแต่ปี 2014-2019 มีปริมาณนักกอล์ฟผู้ใช้บริการสะสมราว 8.5 แสนคน และคาดว่าในปี 2020 จะมีนักกอล์ฟผู้ใช้บริการอยู่ที่ 1.9 แสนคน มั่นใจว่าสนามกอล์ฟ สยามคันทรีคลับ ทั้ง 4 สนามรวม 81 หลุม จะเป็นอาณาจักรสนามกอล์ฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติที่สุดในประเทศไทยและในทวีปเอเชีย

อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้วยการลงทุนมูลค่ามากกว่า 3,000 ล้านบาท ก่อสร้างอาคารสำนักงานให้เช่า (ออฟฟิสบิลดิ้ง) บนพื้นที่ย่าน ปทุมวัน ภายใต้ชื่อโครงการสยาม ปทุมวัน ทาวเวอร์พื้นที่รวมราว 1 แสน ตร.. โดยได้แรงบันดาลใจด้านการออกแบบและใช้เทคโนโลยีจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาอีกอย่างน้อย 3-5 ปี จะแล้วเสร็จ

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News