“ภูมิธรรม” มั่นใจแก้ รธน.ฉบับใหม่ 4 ปีเสร็จ ยันยกร่างทั้งฉบับ
ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า ตนได้พยายามติดต่อคนที่จะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการฯ โดยได้คุยถึงหลักการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เราอยากแก้ไขให้สำเร็จและเสร็จสิ้นภายใน 4 ปีที่เป็นรัฐบาล จะเร่งให้เร็วที่สุด ในการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้อยากให้ปมขัดแย้งเดิมๆ หายไป และไม่อยากให้สร้างความขัดแย้งใหม่ขึ้นมา

โดยจะใช้วิธีให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้ทำประชามติ คณะกรรมการที่มีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้ได้หารือถึงแนวทางว่าจะใช้เวลาเท่าไร คาดว่าจะใช้เวลาในเร็ววัน หรือ 3-4 เดือน หรืออาจจะเร็วกว่านั้นในการทำประชามติ เพราะถ้า ครม.มีมติก็มีกระบวนการต่างๆ รองรับ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ จะต้องมีการหารือกับบุคคลที่เกี่ยวข้องให้ทราบถึงเหตุและผลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อจะได้ช่วยกัน ไม่อยากให้ทำประชามติและร่างรัฐธรรมนูญมาแล้วไม่ผ่าน ก็จะเป็นปัญหา
ผู้สื่อข่าวถามว่า การทำประชามติจะทำทั้งฉบับ หรือแก้ไขเป็นรายมาตรา นายภูมิธรรม กล่าวว่า ตามนโยบายรัฐบาลได้พูดชัดเจนแล้วว่าเราจะยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ แต่ยังคงหมวด 1 และหมวด 2 ไว้ เราจะไม่แตะเรื่องพระราชอำนาจในมาตราต่างๆ นอกนั้นทำได้หมด ทำอย่างไรให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการไปดูแผนยุทธศาสตร์ชาติ หรือหลายๆ อย่างที่เขียนมา ที่เป็นอุปสรรคต่อการเป็นประชาธิปไตยหรือการบริหารราชการแผ่นดิน เราชัดเจนว่าต้องเปิดให้มีการพูดคุย
“ปดิพัทธ์” แจงปมดูงานสิงคโปร์ ยันไม่ได้อยากไปเที่ยว
ปดิพัทธ์ สันติภาดา หรือ “หมออ๋อง” สส.พรรคก้าวไกล ดำรงตำแหน่ง รองประธานสภา คนที่ 1 เบิกงบประมาณ 1.3 ล้านบาท เตรียมนำคณะบินดูงานที่สิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 21-25 กันยายน 2566 จนเป็นกระแสที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงการใช้งบประมาณว่าเหมาะสมหรือไม่นั้น

ล่าสุด ‘หมออ๋อง’ ได้เคลื่อนไหวโพสต์ข้อความผ่าน X (ทวิตเตอร์) @ongpadipat โดยระบุว่า หลายท่านทำไมยัดเยียดว่าผมอยากไป ‘เที่ยว’ สิงคโปร์มากขนาดนั้นครับ ผมทั้งไปเรียนต่อ ไปเที่ยวเอง จนไม่มีอะไรให้เที่ยวแล้ว
สำหรับกำหนดการเดินทางเยือนสิงคโปร์ เพื่อศึกษาดูงานด้านระบบสารสนเทศการประชุม การบริหารจัดการแรงงานของคนไทย และการจัดการทางด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดย ‘ประธานสภาฯ’ ได้อนุมัติการเดินทาง และ ‘เลขาธิการสภาฯ’ ได้อนุมัติงบประมาณ 1,379,250 บาท โดยมีคณะผู้ร่วมเดินทาง 12 คน ซึ่งมี 7 คนที่เป็น ส.ส.และมีคนนอกอีก 5 คน
แฟนคลับเพื่อไทย ยื่นสอบ “อมรรัตน์” คุกคามปชช.
นิยม นพรัตน์ หรือเค สามถุย ฐานะแฟนคลับของพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึง วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภา ฐานะประธานคณะกรรมการจริยธรรมสภา เพื่อให้ตรวจสอบจริยธรรม อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ที่ปรึกษารองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง เนื่องจากพบพฤติกรรมเข้าข่ายการข่มขู่คุกคามประชาชน จากการโพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดียเกี่ยวกับข้อมูลบุคคลเห็นต่างทางการเมือง ซึ่งเป็นการล่าแม่มด รวมถึงมีการคุกคามไปถึงที่ทำงานและบ้าน

ขณะที่ นายนพดล พรหมภาสิต ประธานศูนย์ช่วยเหลือด้านกฎหมาย ผู้ถูกล่วงละเมิด Bully ทางสังคม(ศชอ.) ยื่นหนังสือถึงนายวันมูหะมัดนอร์ เพื่อขอให้ตรวจสอบค่าตั๋วเครื่องบินที่แพงเกินจริง ในการเดินทางไปดูงานสิงคโปร์ของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่งว่าแพงเกินจริงหรือไม่ รวมถึงการอนุมัติของนายวันมูหะมัดนอร์ ได้อ่านรายละเอียดก่อนลงนามหรือไม่
สมคิด เชื้อคง ที่ปรึกษานายกฯ ซึ่งเป็นตัวแทนรับหนังสือกล่าวว่า กลุ่มผู้สนับสนุนพรรค พท.ได้ติดต่อผ่านตนมา และตนจะนำเรื่องดังกล่าวไปส่งต่อให้นายวันมูหะมัดนอร์ต่อไป
“อดิศร” ยันสนับสนุนกัญชาทางการแพทย์รอหารือ “ภูมิใจไทย” ดันพ.ร.บ.เข้าสภา
อดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) กล่าวถึงกรณีที่พรรคภูมิใจไทยเตรียมยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา ให้สภาฯ พิจารณา ว่า เรื่องดังกล่าวต้องรอฟังรัฐบาล ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณใดๆ ออกมา อย่างไรก็ดีในทิศทางเรื่องดังกล่าวตนสนับสนุนกัญชาทางการแพทย์ ส่วนกรณีที่พรรคภูมิใจไทยต้องการให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจนั้น ตนมองว่าต้องพูดคุยกัน

การยกร่างกฎหมายกัญชาให้สภาฯพิจารณาอีกครั้งนั้น ต้องคำนึงด้วยว่า อะไรเป็นสิ่งที่เหมาะสมหรือไม่ ทั้งนี้ผมมีข้อกังวลเรื่องการเข้าถึงของเยาวชน อย่างไรก็ดีเรื่องนี้ต้องรอฟังรัฐบาลว่าจะดำเนินการอย่างไรเป็นอันดับแรก ส่วนวิปรัฐบาลเป็นลำดับสอง
โดยขณะนี้พบว่ามีคลีนิคกัญชาเป็นจำนวนมาก เช่น แถวสายไหม กทม. นอกจากนั้นในช่วงเสาร์ หรือ อาทิตย์ ตนออกรอบตีกอล์ฟและต้องเคี้ยวใบกระท่อม 7 ใบเพื่อทำให้เล่นได้ดี
“ทศพร” แนะ 3 ทางออกแก้ปัญหาเลี้ยงอาหารสภาฯ
ศพร เสรีรักษ์ ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย หารือต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงปัญหาอาหารเลี้ยงสส.เหลือ เนื่องจากสส.กินกันไม่หมด ว่า ทราบหรือไม่ว่าโลกนี้มีขยะอาหารปีละ 1.3 พันตัน ในประเทศไทยปีละ 17 ล้านตัน คนไทยสร้างขยะคนละ254 กิโลกรัมต่อปีต่อวัน และสร้างขยะอาหารที่สภาฯก็นับไม่ถ้วน วันที่มีการประชุมสภาฯแล้วคนเหลือน้อยที่สุด สส.เหลือไม่ถึง 30 คน ทำให้อาหารเหลือจำนวนมาก

นพ.ทศพร เสนอทางออก ด้วยว่าสภาฯควรมีทางออก 3 เรื่องได้แก่ 1.ยังคงเลี้ยงอาหารต่อไป แต่งดมื้อเย็น 2. สส. และ สว.จ่ายเงินกันเอง โดยมีการสั่งอาหารล่วงหน้า 1หรือ2 สัปดาห์ จะได้รู้ว่าใครจะรับประทานหรือใครไม่รับประทาน หรือ 3.ยกเลิกการเลี้ยงอาหาร สส.สว. เลย แล้วเอางบประมาณส่วนนี้ปีละนับ 100 ล้านบาท ไปเพิ่มอาหารกลางวันให้แก่เด็กนักเรียนทั่วประเทศก็จะเป็นประโยชน์อย่างมาก