“แบงก์ชาติ” ชี้เสถียรภาพธนาคารพาณิชย์ยังแกร่ง NPL ลดเหลือร้อยละ 2.73
นางสาวสุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับสถาบันการเงิน 1 ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แถลงสรุปภาพรวมธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 4 ปี 2565 พบว่าระบบธนาคารพาณิชย์มีความมั่นคงและมีเสถียรภาพ โดยมีเงินกองทุน เงินสำรอง และสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง สามารถทำหน้าที่สนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้อย่างต่อเนื่อง สินเชื่อระบบธนาคารพาณิชย์ใน ปี 2565 ขยายตัวที่ร้อยละ 2.1 ชะลอลงจากปีก่อนจากการชำระคืนหนี้ของธุรกิจขนาดใหญ่ ภาครัฐ และสินเชื่อ Soft loan รวมทั้งการโอนพอร์ตรายย่อยไปยังบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์แห่งหนึ่ง และการบริหารจัดการคุณภาพหนี้

อย่างไรก็ดี สินเชื่อยังขยายตัวได้จากธุรกิจรายใหญ่ในภาคพาณิชย์และสินเชื่อรายย่อยพอร์ตที่อยู่อาศัยและส่วนบุคคลเป็นสำคัญ ด้านคุณภาพสินเชื่อ ธนาคารพาณิชย์ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้อย่างต่อเนื่องด้วยการปรับโครงสร้างหนี้และบริหารจัดการคุณภาพหนี้ ส่งผลให้ยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non Performing Loan: NPL หรือ stage 3) ณ สิ้นปี 2565 ลดลงมาอยู่ที่ 499.2 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ร้อยละ 2.73 สำหรับผลการดำเนินงานปี 2565 ปรับดีขึ้นจากปีก่อน โดยหลักเป็นผลจากการขยายตัวของสินเชื่อ และทิศทางอัตราดอกเบี้ยที่ทำให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิปรับเพิ่มขึ้น ประกอบกับค่าใช้จ่ายสำรองลดลง หลังจากที่ธนาคารพาณิชย์ได้ทยอยกันสำรองในระดับสูงตลอดช่วง COVID-19
“ไห่หนาน” เปิดช่อง ก.พาณิชย์ตั้งสำนักงานการค้า ขยายวอลลุ่มสินค้าไทยในมณฑล
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังหารือร่วมกับ นายเสิน ตันหยาง (Mr. Shen Danyang) รองผู้ว่าการมณฑลไห่หนานพร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ว่า เพื่อสานความสัมพันธ์ระหว่างไทย-ไห่หนาน หลังทั้ง 2 ฝ่ายได้ตกลงทำมินิเอฟทีเอสำเร็จไปแล้วเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา ทำให้ปัจจุบันไทยมีมินิเอฟทีเอกับเมืองหรือมณฑลสำคัญ 7 ฉบับและอนาคตจะมีเพิ่มอีก 6 ฉบับ คาดว่าจะสำเร็จทั้งหมดในเร็วๆนี้

โดยมณฑลไห่หนานเชิญกระทรวงพาณิชย์ไทย ตั้งสำนักงานการค้าเพื่อโปรโมทสินค้าที่มณฑล ซึ่งกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่ามีทูตพาณิชย์ที่กวางโจวดูแลในส่วนมณฑลไห่หนานอยู่แล้ว และมองว่าอนาคตเมื่อมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้นมามากอาจเป็นไปได้ที่จัดตั้งสำนักงานในไห่หนาน และที่สำคัญมองว่ามณฑลไห่หนานจะสู่การเป็นเมืองท่าการค้าเสรีไห่หนาน (Hainan Free Trade Port) หรือเขตเศรษฐกิจพิเศษในอนาคต และจะเป็นเมืองท่าการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดติดลำดับโลกได้ อย่างไรก็ตาม รองผู้ว่าการฯได้เชิญไทยร่วมงาน HAINAN EXPO วันที่ 11-15 เม.ย. นี้ ซึ่งตนได้ตอบรับและพร้อมจะส่งผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมอย่างน้อย 20 รายด้วยกัน โดยในปีที่ผ่านมามูลค่าส่งออกไทยไปไห่หนานเพิ่มขึ้น 66.8% หรือคิดเป็นมูลค่า10,465 ล้านบาท สินค้าสำคัญ เช่น ยางพารา ผลไม้ เคมีภัณฑ์และสินแร่ เป็นต้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังมั่นใจจีดีพีไทยปีนี้โตถึง 3.7%
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประมาณการเศรษฐกิจไทยปีนี้ โตที่ 3.7% สูงกว่าประมาณการของสภาพัฒน์ที่ 2.7-3.7% (ค่ากลางอยู่ที่ 3.2%) จากแรงหนุนของภาคการท่องเที่ยวที่ยังคงจะเป็นขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจไทยต่อเนื่องไปในปีนี้ แม้การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจกดดันการส่งออกไทยให้หดตัวเล็กน้อยในปีนี้

ขณะที่หน่วยงานวิจัย ธนาคารกรุงไทย “Krungthai COMPASS” เผยแพร่รายงาน คาดเศรษฐกิจปี 2566 มีแนวโน้มขยายตัว 3.4% เติบโตต่อเนื่องโดยมีภาคการท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์สำคัญ สะท้อนจากอัตราการเข้าพักแรมและจำนวนเที่ยวบินเฉลี่ยในปี 2565 ที่ฟื้นตัวกลับขึ้นมาอยู่ในระดับสูงกว่า 50% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนโควิด-19 และคาดว่าจะมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2566
บสย.ปักธงค้ำประกันสินเชื่อ SMEs 1.2 แสนล้าน รับเศรษฐกิจขาขึ้น นำร่องภาคเหนือ 8 จังหวัด
นายสิทธิกร ดิเรกสุนทร กรรมการและผู้จัดการทั่วไป บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยว่า มั่นใจในปี 2566 เศรษฐกิจกลับมาฟื้นตัวและคึกคักในรอบ 3 ปี พร้อมประกาศแผนและทิศทางการดำเนินงานภายใต้นโยบายเชิงรุก ให้สำนักงานเขตทั้ง 11 เขตทั่วประเทศ เร่งช่วยผู้ประกอบการ SMEs ค้ำประกันสินเชื่อ

ให้คำปรึกษาทางการเงิน ตรวจเช็กสุขภาพธุรกิจ ให้ความรู้ทางการเงิน ปรับโครงสร้างหนี้ และบูรณาการความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรต่างๆ เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของประเทศ และเตรียมพร้อมการบริการใหม่ผ่านดิจิทัล แพลตฟอร์ม บนแอปพลิเคชัน LINE @tcgfirst เข้าถึงบริการง่ายขึ้น ในปีนี้ บสย. พร้อมเร่งให้ความช่วยเหลือในทุกทางเพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้กลับมาฟื้นตัว ยืนได้ และก้าวต่อไป ในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยมีภาคท่องเที่ยวเป็นหัวใจหลักขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยตั้งเป้าค้ำประกันสินเชื่อ 120,000 ล้านบาท นำร่องในเขตภาคเหนือ 8 จังหวัด คือ เชียงใหม่ เชียงราย แม่ฮ่องสอน ลำพูน ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา จะช่วยผู้ประกอบการเข้าถึงสินเชื่อ อนุมัติค้ำกว่า 10,000 ล้านบาท
บีซีพีจี ตั้งบริษัทย่อยลุยธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ 2 โครงการ
นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) (BCPG) เปิดเผยการขยายธุรกิจไปยังสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จตามแผนที่วางไว้ โดยได้จัดตั้งบริษัทย่อย BCPG USA Inc และร่วมทุนกับบริษัท Advanced Power ในประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติในรัฐโอไฮโอ ซึ่งจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรี PJM ตลาดซื้อขายไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯและครอบคลุมการขายไฟฟ้ากว่า 13 รัฐ ในสหรัฐอเมริกา

โดยการลงทุนครั้งนี้ บริษัทฯใช้เงินกว่า 115 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,972 ล้านบาท เพื่อลงทุนในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 151 เมกะวัตต์ จำนวน 2 โครงการ คือ 1. โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Carroll County Energy LLC (CCE) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 700 เมกะวัตต์ ผ่านการเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 49.00 ของบริษัท AP-BCPG CCE Partners LLC ซึ่งจะทำให้บีซีพีจีถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้า CCE ทางอ้อม ในสัดส่วนร้อยละ 8.88 คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นของบีซีพีจีเท่ากับ 61 เมกะวัตต์ และ 2. โครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ South Field Energy LLC (SFE) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 1,182 เมกะวัตต์ ผ่านการเข้าซื้อหุ้นร้อยละ 49.00 ของ AP-BCPG SFE Partners LLC ซึ่งจะทำให้บีซีพีจีถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้า SFE ทางอ้อมในสัดส่วนร้อยละ 7.78 คิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้นของบีซีพีจีเท่ากับ 90 เมกะวัตต์