เลขาธิการนายกฯแจงลูกสาวนายกฯร่วมคณะนายกฯออกค่าใช้จ่ายเอง
นัทรียา ทวีวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายบริหาร สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ชี้แจงเกี่ยวกับกรณีประเด็นการเช่าเหมาลำเครื่องบินการบินไทยในการเดินทางมาร่วมประชุม UNGA78 ที่ New York ของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีกระทรวงการคลัง โดยต้องการชี้แจงให้ชัดเจน ไม่ให้เกิดข้อถกเถียงในสังคม

- เรื่องระบบการรักษาความปลอดภัย โดยที่นายกรัฐมนตรีเป็นแขกของผู้นำของสหรัฐฯ จึงมีหน่วยงาน Secret Service จาก Homeland Security ที่ต้องปฏิบัติหน้าที่คุ้มกัน ตั้งแต่เครื่องแตะพื้น ซึ่งจะทำให้เครื่องบินที่นายกรัฐมนตรีโดยสารมาต้องจอดบนลานจอด เพื่อให้หน่วย Secret service ดูแลระบบรักษาความปลอดภัย นับตั้งแต่เครื่องลงจอด
- ค่าใช้จ่ายในการเหมาลำ เป็นไปตาม พรบ. การจัดซื้อจัดจ้าง ทุกขั้นตอน อย่างโปร่งใส และเปิดเผยบนเว็บไซต์อย่างถูกต้อง โดยค่าใช้จ่ายเป็นไปตามราคาประเมิน ในส่วนของประเด็นค่าอาหารบนเครื่องบินฯ อาหารที่เสิร์ฟบนเครี่องบินมีกระบวนการที่พิเศษ เนื่องจากต้องรักษาความสะอาด ผ่านกระบวนการ และการตรวจสอบให้เสิร์ฟบนเครื่องบินได้ โดยขอชี้แจงว่า การบินไทยนำเสนอราคาที่ถูกกว่าเครื่องบิน ทอ.
- ประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผู้โดยสารที่เป็นผู้ใกล้ชิด ขอชี้แจงว่า ลูกสาวนายกรัฐมนตรีชำระเงินตามหลักการโดยใช้เงินส่วนตัวในการเดินทางครั้งนี้ และโดยที่ภริยาของท่านนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับการเชิญ เพื่อมาดูงานการจัดการศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ และความเป็นอยู่ของชุมชนไทย ลูกสาวของท่านนายกจึงเดินทางมาช่วยงานคุณแม่ ไม่ได้มีภารกิจเกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรี แต่ออกค่าใช้จ่ายเอง
“ก้าวไกล” จ่อเคาะชื่อ “ชัยธวัช” เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหว จากพรรคก้าวไกล เกี่ยวกับการคัดเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.)ชุดใหม่ หลังจากพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลประกาศลาออก ไปเมื่อวันที่ 15 ก.ย. ว่า ขณะนี้ แกนนำพรรคก้าวไกลคุยกันค่อนข้างสะเด็ดน้ำแล้วในเรื่องตำแหน่งสำคัญต่างๆ ก่อนที่จะมีการประชุมกก.บห.เคาะ อย่างเป็นทางการตามกำหนดการ ในวันที่ 23 ก.ย.นี้

โดยหน้าตาตำแหน่งสำคัญๆภายในกก.บห.ชุดใหม่ ของพรรค มีอาทิ ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการเลขาธิการพรรค เป็นหัวหน้าพรรคก.ก.คนใหม่ อภิชาต ศิริสุนทร รักษาการกก.บห.สัดส่วนภาคเหนือ เป็นเลขาธิการพรรค พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นั่งเป็นโฆษกพรรค นอกจากนี้ แกนนำพรรค ยังจะเสนอชื่อ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ให้ทำหน้าประธานวิปฝ่ายค้านในสภาฯ อีกด้วย
“อุ๊งอิ๊ง” พร้อมนั่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยหากพรรคเห็นเหมาะสม
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และรองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกที่พรรคเพื่อไทย ย่างเข้าสู่ปีที่ 16 ว่า วันนี้เป็นวันร่วมทำบุญพรรคเพื่อไทย แต่วันเกิดพรรคคือช่วงก.ค. แต่ช่วงนั้นค่อนข้างยุ่ง และช่วงนี้สามารถจะจัดทำบุญได้ จึงรวบรวมคนในพรรคให้ได้มากที่สุด เพื่อที่จะได้มาทำบุญร่วมกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้นตนมองว่าถ้ามีคนที่ดีกว่าและจะนำพรรคได้ดีกว่าตนก็ยอม แต่ถ้าเป็นตนหากคิดว่าดีที่สุดก็ยอมเช่นกัน ซึ่งตนเป็นคนมองที่เป้าหมาย เมื่อมีคนพูดว่าตนควรเป็นหัวหน้าพรรค ตนเต็มที่แม้ว่ามีหรือไม่มีตำแหน่งหรือไม่ก็ตาม ฉะนั้น จะไม่มีการน้อยใจ หากไม่ได้เป็นหรือได้เป็นหัวหน้าพรรค เพราะจุดยืนของเราคือทำเพื่อพรรค
เมื่อถามว่า ได้ให้กำลังใจกับพิธา ลิ้มเจิรญรัตน์ อดีตสส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) หรือไม่ แพทองธาร กล่าวว่า จริงๆ ก็ทุกคนนะคะ ก็คงได้วางแพลนชีวิตตัวเองไว้แล้วว่าจะทำอย่างไร ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรทั้งในสภาฯหรือนอกสภาฯก็รู้จักกันอยู่แล้ว ตนก็ขอให้กำลังด้วย
“ชาดา” มั่นใจปราบผู้มีอิทธิพลเห็นผลได้ใน 6 เดือน
ชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงถึงกรณีที่ให้สัมภาษณ์สื่อที่ระบุว่าหากแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพล 6 เดือนไม่สำเร็จก็พร้อมพิจารณาตัวเองนั้นว่า ตนขอเรียนชี้แจงว่า จากคำสัมภาษณ์ดังกล่าว เป็นประโยคที่ติดต่อกัน จึงทำให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งตนบอกว่า 6 เดือนจะเริ่มเห็นผล ภาพจะเริ่มชัดขึ้น เพราะ 6 เดือนเริ่มจะเห็นผล เนื่องจากการปราบปรามผู้มีอิทธิพลมีมาหลายครั้งแล้ว

ซึ่งเปรียบเสมือนไฟไหม้ฟาง วูบวาบ มาหลายครั้ง แต่ตนไม่ต้องการทำงานแบบนี้ ซึ่งจะต้องมีการใช้เวลาในการรวบรวมข้อมูล ในการตรวจสอบ รวมถึงดูให้เป็นธรรม
รมช.มหาดไทย กล่าวต่อว่า ส่วนความคืบหน้าขณะนี้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา แล้วจากนี้ก็ต้องดูถึงวิธีการทำงาน ซึ่งเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ได้กำชับในที่ประชุม ครม. และได้สั่งการมาที่อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย มาแล้ว และท่านอนุทิน ก็ได้สั่งตนมาอีกทีหนึ่ง ซึ่งตนได้มีกรอบระยะเวลา การทำงานแล้ว
“สมศักดิ์” เชื่อรัฐบาลไม่รีบยุบสภาฯแม้เดินหน้าแก้ รธน.
สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวหากรัฐบาลชุดนี้แก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จแล้วจะยุบสภาทันที ว่าเรื่องนี้คงไม่เกี่ยวกัน ในเรื่องของรัฐธรรมนูญกับการบริหารงานของรัฐบาล ทุกคนคงไปตีเวลาของการแก้รัฐธรรมนูญว่าใช้เวลา 2-3 ปี แล้วมาคำนวณการใช้เวลาทำงานของรัฐบาล ในช่วงที่นายกรัฐมนตรีกำหนดไทม์ไลน์ในเรื่องต่างๆ เหล่านั้นอาจจะใช้เวลาทั้งหมด แล้วเอาเวลาทั้ง 2 เรื่องมาเปรียบเทียบกัน แล้วพูด 2-3 เรื่องเป็นเรื่องเดียวกัน แต่ว่ามันคนละเรื่องกัน จึงไม่สามารถไปคำนวณเวลาดังกล่าวได้ ตรงนี้อาจจะเป็นการวิจารณ์เพื่อให้เป็นประเด็นที่ประชาชนฟังแล้วอาจเกิดความสับสนมากกว่า

ทั้งนี้ ฝ่ายค้านพยายามทวงถามการแก้ไขรัฐธรรมนุญ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยได้ประกาศไว้ สมศักดิ์ ตอบว่า เป็นหน้าที่ของผู้ที่มีหน้าที่โดยตรง ให้เขาได้พูดคุยกันไป เราเป็นฝ่ายบริหาร ขอทำหน้าที่และรับผิดชอบงานฝ่ายบริหาร และตอบคำถามได้เพียงเท่านี้ ขณะที่คำถามว่าในฐานะผู้มีประสบการณ์ทางการเมือง มองการแบ่งงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีกันอยู่ 3 พรรคและไม่ลงตัว อย่างไรบ้าง สมศักดิ์ ระบุว่า การแบ่งงานในกระทรวงที่มีรัฐมนตรีช่วยส่วนใหญ่มักจะมีข่าวสารออกมาในลักษณะนี้ แต่สุดท้ายคงต้องตกลงกันให้ได้ด้วยดี เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเป็นการเริ่มต้นของการทำงาน ก็มักจะมีปัญหาดังกล่าว ขอให้ค่อยๆ พูดค่อยๆ คุยกัน ก็คงจะไม่มีอะไร
นอกจากนี้ กรณีที่เคยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เน้นเรื่องการปราบปรามยาเสพติดมาแล้ว มองอย่างไรต่อกรณีที่นายกรัฐมนตรีเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามยาเสพติด นายสมศักดิ์ กล่าวว่า ดีใจมากที่นายกรัฐมนตรีเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ และคิดมาตลอดว่าปัญหายาเสพติดในระดับรัฐมนตรีทำคนเดียวไม่สำเร็จแน่ต้องร่วมกันหลายหน่วยงาน