Facebook เผยข้อมูลการเติบโตของผู้ชมวิดีโอ ผ่านทาง Facebook Watch ทั่วโลกที่มียอดสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยสถิติในปี 2018 ที่ผ่านมา มีผู้ชมผ่าน Watch เฉลี่ยสูงถึง 140 ล้านคนทั่วโลก ในแต่ละวัน และ 720 ล้านคนทั่วโลก ในแต่ละเดือน
โดยกว่า 140 ล้านคน ใช้เวลารับชมวิดีโอผ่าน Watch มากกว่า 26 นาทีในแต่ละวัน และมีการแสดงความคิดเห็นผ่านการร่วมกับผู้อื่นในปาร์ตี้รับชม (Watch Party) มากกว่าการรับชมวิดีโอเพียงลำพังถึง 8 เท่า
ซึ่งจุดประสงค์ของการทำ Facebook Watch นั้นเพื่อให้ผู้ใช้มีประสบการณ์ร่วมกัน คือ การชมร่วมกัน (Co-Watching), การมีไลค์ คอมเม้นท์ แชร์ (Interactivity) และการสร้างชุมชน (Community)
สำหรับในประเทศไทย ปัจจุบันมีฟีเจอร์ที่ Facebook Watch เปิดให้บริการแล้วดังนี้
–พรีเมียร์ (Premiere): การแจ้งเตือนเพื่อให้ผู้ใช้ รับชมวิดีโอและเพื่อสร้างความน่าตื่นเต้นให้กับเนื้อหาวิดีโอ เครื่องมือนี้ทำให้ผู้ใช้สามารถโพสต์วิดีโอในรูปแบบเอ็กซ์คลูซีฟได้ ด้วยการกำหนดเวลาฉายวิดีโอ คล้ายกับการฉายภาพยนตร์
–การเผยแพร่สด (LIVE): การเผยแพร่สด ซึ่งรวมถึงความสามารถในการเผยแพร่รอบซ้อม การตัดเนื้อหา การขยายช่วงเวลาที่เพิ่มขึ้น การแสดงรายการพร้อมกันผ่าน Live API ซึ่งมีให้บริการใน Facebook Lite ด้วย
–ปาร์ตี้รับชม (Watch Party): สามารถเชื่อมต่อเพื่อนๆ และชุมชนเพื่อรับชมวิดีโอร่วมกันตามเวลาจริงภายในกลุ่มที่เข้าร่วม รวมถึงการเผยแพร่สด (โดยผู้สร้างสามารถแชร์ความคิดเห็นตามเวลาจริงได้) หรือวิดีโอที่ถูกบันทึกและแชร์จากเพจอื่นๆ ระหว่างการเผยแพร่ปาร์ตี้รับชม ผู้ใช้สามารถสร้างบทสนทนาผ่านคอมเม้นท์เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน รวมถึงกำหนดเวลาและเล่นซ้ำได้ นอกจากนี้ ปาร์ตี้รับชมยังมีการอัพเดทเมตริกใหม่ (เช่น จำนวนนาทีที่รับชม และจำนวนผู้ชม 60 วินาทีโดยไม่นับซ้ำ) และการตั้งค่าปาร์ตี้รับชมให้เป็นเนื้อหาที่มีแบรนด์
–โพลล์ (Poll): กิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้โหวตเลือกสิ่งใดสิ่งหนึ่งในเนื้อหาวิดีโอ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงและสร้างการมีส่วนร่วมที่สนุกสนานแก่ผู้ติดตาม
–สตูดิโอครีเอเตอร์ (Creator Studio): ผู้เผยแพร่ใช้เครื่องมือนี้เพื่อโพสต์ จัดการ สร้างรายได้ และวัดผลเนื้อหาของพวกเขา ทั้งบน Facebook และ Instagram โดยมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้แก่ ตารางผู้ชมที่กลับมาชมซ้ำ (Return Viewer Table) การตั้งคำบรรยายแบบอัตโนมัติ (Auto-captioning) และสถานะการเผยแพร่ (Distribution Status)
นอกจากฟีเจอร์ต่างๆ แล้ว Facebook ยังได้เผยถึงข้อมูลการคั่นด้วยโฆษณา (Ad break) ที่เป็นฟีเจอร์ที่ให้บริการอยู่ใน 40 ประเทศทั่วโลกในปัจจุบัน โดยมีเพจที่ได้รับรายได้มากกว่า 10,000 เหรียญสหรัฐฯ ต่อเดือน เพิ่มขึ้นกว่า 3 เท่า นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2018
โดยเงื่อนไขการสร้างรายได้จากการใช้ Ad break มีดังนี้
-เพจต้องมีคนติดตามอย่างน้อย 30,000 คน
-มีคนชมคลิปในเพจ เฉลี่ยอย่างน้อย 1 นาที
-วิดีโอที่สามารถใส่ Ad break ได้จะต้องยาวมากกว่า 3 นาที
หลังจากนั้น Facebook ได้เปิดเผยข้อมูลกรณีศึกษาการทำคลิป จากเพจ “ดอยแม่สลอง” โดยมีรายละเอียดดังนี้
-“ดอยแม่สลอง สื่อสังคมออนไลน์” ก่อตั้งขึ้นในประเทศไทย โดย พรพจน์ เจริญทั้งศิลปชีพ หรือเจ นักศึกษาจบใหม่ที่มีความชื่นชอบด้านการสร้างสรรค์วิดีโอมาอย่างยาวนาน เขาเริ่มผลิตละครดิจิทัลผ่าน Facebook และใช้การคั่นด้วยโฆษณา เมื่อตอนที่เครื่องมือดังกล่าวได้เปิดตัวในประเทศไทยเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. 2561
-การใช้การคั่นด้วยโฆษณาทำให้เจสามารถสร้างทีมพนักงานประจำจำนวน 15 คนได้สำเร็จ และทีมยังคงขยายอย่างต่อเนื่อง
-การรับชมวิดีโอ 1 นาทีเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อความสำเร็จของการสร้างรายได้จากการคั่นด้วยโฆษณา เนื่องจากตำแหน่งโฆษณาตำแหน่งแรกที่สามารถวางในวิดีโอได้คือหลังจากเนื้อหา 1 นาทีเป็นต้นไป
-ในระยะเวลา 3 เดือนแรกของปี พ.ศ. 2562 ร้อยละ 90 ของวิดีโอของเพจดอยแม่สลอง สื่อสังคมออนไลน์ มียอดผู้ชมวิดีโอถึง 1 นาทีเป็นจำนวนอย่างน้อย 300,000 ครั้ง
-ปัจจุบัน(19 ก.ย. 2019) มีคนติดตามเพจ “ดอยแม่สลอง สื่อสังคมออนไลน์” 4,750,655 คน
นอกจากนี้ Facebook ยังเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทใหญ่ๆ อย่าง เวิร์คพอยท์ ประเทศไทย ที่มีการนำรายการยอดนิยม เช่น รายการ The Rapper รายการ The Mask Singer หน้ากากนักร้อง รายการ I Can See Your Voice ประเทศไทย และรายการ Super Mum ซุปเปอร์หม่ำ ให้ชมผ่านทาง Facebook Watch ได้
บีอีซี หรือ ช่อง 3 มีการนำคลิปวิดีโอ เบื้องหลังการถ่ายทำ และเนื้อหาฉบับเต็มก่อนการตัดต่อของละครยอดนิยมที่ออกอากาศทางช่อง 3 มาขึ้นใน Facebook Watch
เซ้นส์ เอนเตอร์เทนเมนท์ จะเน้นไปที่รายบันเทิง อย่างเช่น รายการตลก (บริษัทฮาไม่จำกัด) รายการเกมโชว์ (Couple or Not? คู่ไหน..ใช่เลย) และรายการเกมโชว์ใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในเดือนตุลาคม พ.ศ.2562 (Guess My Age)
นอกจากนี้กำลังจะมีรายการที่ทำกับ Woody World เป็นรายการแบบเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับรับชมบน Facebook
โดยในช่วงท้าย Facebook ได้ยกตัวอย่างรายการที่ผลิตเองและเผยแพร่บน Facebook Watch คือรายการ The Real World Bangkok ของเอ็มทีวี เป็นรายการเรียลลิตี้โชว์แบบไม่มีสคริปต์ ที่มีเนื้อหาทั้งหมด 12 ตอน และเป็นรายการแรกในภูมิภาคเอเชีย เล่าเรื่องราวของผู้เข้าร่วมรายการที่เป็นคนไทย โดยเริ่มออกอากาศเป็นครั้งแรกในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ซึ่งการนำรายการดังกล่าวไปออกอากาศใน Facebook ได้สร้างกระแสเรื่องการพูดคุยกันถึงปัญหาสังคมมากขึ้น รวมทั้งได้เห็นมุมมองของความเข้าอกเข้าใจในความแตกต่างทางเพศ รูปร่าง และลักษณะนิสัยของแต่ละคนอีกด้วย
