HomeBT News"สภาอุตฯ" จับมือ 4 องค์กร เป็นพี่เลี้ยง "ผู้ประกอบการไทย" ให้ทันตลาดโลก

“สภาอุตฯ” จับมือ 4 องค์กร เป็นพี่เลี้ยง “ผู้ประกอบการไทย” ให้ทันตลาดโลก

“สภาอุตฯ” จับมือ 4 องค์กรด้านกฏหมาย-ที่ปรึกษา-เอเจนซี่ประชาสัมพันธ์ พัฒนาผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทยให้ทันต่อความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและสังคม

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ร่วมแถลงข่าวการลงนามความร่วมมือระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและ 4 องค์กรระดับโลก เพื่อพัฒนาความร่วมมือและเทคโนโลยีรวมถึงนวัตกรรมให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในประเทศ ด้วยคำปรึกษาทางด้านกฎหมายและบัญชีรวมถึงการประชาสัมพันธ์สินค้าและผลิตภัณฑ์ของตนเอง

“วันนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับทั้ง 4 องค์กรและจะเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของสังคมให้เกิดความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆในสังคม”

- Advertisement -

สำหรับการร่วมมือลงนามบันทึก ความร่วมมือ ในครั้งนี้สภาอุตสาหกรรมได้ร่วมมือกับ 4 องค์กรได้แก่ บริษัท เบเคอร์ แอนด์แม็คเค็นซี่ จำกัด , บริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย ที่ปรึกษาธุรกิจ จำกัด , บริษัท PwC ประเทศไทย จำกัด และ เฟลชแมน ฮิลลาร์ด ประเทศไทย

ด้าน ศ.(พิเศษ) กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการ บริษัท เบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทให้คำปรึกษาด้านกฎหมาย ระบุว่า น่าจะความเปลี่ยนแปลงไปทางสังคมและกฎหมายซึ่งมีกฎหมายออกใหม่มากมายดังนั้น ด้วยความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายของเรา จะทำให้สามารถสร้างความร่วมมือทำกับภาครัฐและเอกชนในการให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมายและด้วยจำนวนพันธมิตรทั้งหมดของเรายินดีที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมของไทย

นายเจริญ ผู้สัมฤทธิ์เลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เคเอ็มพีจี ภูมิไชย ที่ปรึกษาธุรกิจ จำกัด โดยเป็นผู้ให้คำปรึกษาด้านภาษีและกฎหมายรวมถึงคำแนะนำทางด้านบริการธุรกิจและการลงทุน ระบุว่า จากความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีทำให้ต้องมีการพัฒนาบุคลากร ให้เข้าใจถึงสังคมกฎหมายและวัฒนธรรมอยู่เสมอ และเพื่อให้เท่าทันต่อเทคโนโลยีและความเปลี่ยนแปลงไปของสังคม ดังนั้นทางบริษัทจึงมีการส่งต่อพนักงานไปอบรมอย่างบริษัทอื่นๆและประเทศต่างๆมากมาย และมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถส่งเสริมผู้ประกอบการค้าท่านใดที่ต้องการจะก้าวสู่ตลาดอาเซียนได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ พร้อมยืนยันว่าด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบบัญชีด้านกฎหมายและด้านการเงินที่ปรึกษาทางด้านธุรกิจจะทำให้บริษัทสามารถให้คำปรึกษาและสนับสนุนที่ก้าวไปพร้อมกับอุตสาหกรรมไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล

“เดิมทีมีการพูดคุยกันก่อนหน้านี้คือเป็นเพียงแค่ความร่วมมือในการเข้าไปสู่ตลาดจีนแต่เมื่อมีพิธีการลงนามความร่วมมือดังกล่าวนี้ก็ทำให้ขยายความร่วมมือไปสู่ตลาดโลก”

ขณะที่นายศิระ อินทรกำธรชัย ประธานกรรมการบริหารและหุ้นส่วนบริษัท PwC ประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายผู้ให้บริการด้านการตรวจสอบบัญชีและการให้คำปรึกษาด้านภาษีและกฎหมายครอบคลุม 158 ประเทศทั่วโลก ระบุว่า ในภาวะที่ประเทศไทยประสบกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจเนื่องจากผลกระทบทั้งจากปัจจัยภายนอกและภายใน ทั้งสงครามการค้า ภาวะผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และภาวะความไม่สงบของประเทศที่เป็นเศรษฐกิจสำคัญ จึงส่งผลกระทบต่อธุรกิจทั้งขนาดใหญ่และขนาดย่อย จึงทำให้ธุรกิจร้อนนั้นจำเป็นที่จะต้องมีการทบทวนแผนธุรกิจใหม่และมีการปรับกลยุทธ์

หนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญคือการขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศเพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการขยายปลายๆ ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญในเรื่องของบัญชีและภาษีระหว่างประเทศจึงมีความต้องการที่จะสร้างความรู้เรื่องความเข้าใจใหม่ให้กับผู้ประกอบการที่ต้องการจะเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และทำให้ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์สูงสุดจากการร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจของประเทศต่าง ๆ

การร่วมมือกันครั้งนี้ถือเป็นความร่วมมือที่จะทำให้พัฒนาอุตสาหกรรมไทยไปสู่ต่างประเทศซึ่งถือเป็นหนึ่งในพันธกิจหนึ่งของบริษัทในการเป็นผู้ให้และตอบแทนสังคมในการประกอบกิจการธุรกิจ ซึ่งการบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในครั้งนี้ทางบริษัทจะได้เข้ามาเป็นพี่เลี้ยงเพื่อให้บริษัทต่างๆนำไปต่อยอดทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี

นางสาวโสพิส เกษมสหสิน รองประธานอาวุโส พารต์เนอร์ และผู้จัดการทั่วไป เฟลชแมน ฮิลลาร์ด ประเทศไทย ซึ่งเป็นเอเจนซี่ด้านการประชาสัมพันธ์และ Digital Marketing ชั้นนำระดับโลกเชี่ยวชาญในการวางกลยุทธ์การสื่อสารเพื่อให้เกิดการบูรณาการร่วมกัน กล่าวว่า ที่ผ่านมาความเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีและการใช้ชีวิตของประชาชนทำให้บริษัทต่าง ๆ จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์และสื่อสารไปยังประชาชนในรูปแบบใหม่ซึ่งในอนาคตบุคลากรในองค์กรที่เป็นคนรุ่นใหม่จะก้าวไปสู่ผู้บริหารสูงสุดในภายภาคหน้าดังนั้นการให้คำปรึกษาและการทำให้ ผู้บริหารของบริษัทเหล่านี้มีความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องและนำไปสู่การพัฒนาได้อย่างยั่งยืนซึ่งสอดคล้องกับในฐานะที่ในปีนี้ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน

ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวทิ้งท้ายว่า ความร่วมมือกันครั้งนี้และสภาพความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทำให้ผู้ประกอบการได้เรียนรู้ว่า ปัจจุบันจะอยู่รอดด้วยตัวคนเดียวไม่ได้และปัจจุบันจะต้องมีพันธมิตรให้มากยิ่งขึ้นเพื่ออยู่รอดในยุคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง และเชื่อว่าหลังจากนี้จะมีแผนปฏิบัติการเพิ่มมากขึ้นมากกว่าการถ่ายภาพร่วมกันอย่างแน่นอน

เป้าหมายต่อจากนี้สิ่งที่เป็นรูปธรรม คือ การเพิ่มข้อมูลข่าวสารให้กับสมาชิกสภาอุตสาหกรรม เช่น ข้อมูลจากการประชุมระดับโลกและข้อมูลทางเศรษฐกิจจากบริษัทชั้นนำ 4 องค์กรที่มาเซ็นสัญญาในวันนี้ ซึ่งข้อมูลในลักษณะนี้เป็นข้อมูลที่บางครั้งจำเป็นที่จะต้องได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึง หรืออำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ประกอบการ สำหรับข้อมูลกลางเพื่อส่วนรวม ซึ่งทางสภาอุตสาหกรรมก็เปิดกว้างให้ผู้ประกอบการ SMEs เข้ามามีส่วนร่วมในความร่วมมือนี้ได้อีกด้วย หากเรียกง่ายๆก็เปรียบเสมือนโครงการ “Big Brother” ก็ว่าได้ และที่สำคัญความร่วมมือกันในครั้งนี้ผู้ประกอบการไม่เสียค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วมโครงการ

ทั้งนี้ ทั้งความร่วมมือกันและหุ้นส่วนในการส่งเสริมความรู้จาก 4 องค์กรชั้นนำระดับประเทศทั้งด้านคำปรึกษาและการสื่อสารจะทำให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมไทยเติบโตอย่างยั่งยืนท่ามกลางกระแสความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและความผันผวนด้านการลงทุนเศรษฐกิจและสังคม

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News