นีโอกรุ๊ปอสังหาฯน้องใหม่ ไม่หวั่นคู่แข่งเดินหน้าเปิดตัว 3 โครงการใหม่มูลค่ารวม 300 ล้านบาท พร้อมวางกลยุทธ์รุกแนวราบ ชูจุดเด่นทำเลศักยภาพ คุ้มค่าคุ้มราคา และดีไซน์ทันสมัยตอบโจทย์ลูกค้า
นางปิยนุช บุญเยี่ยมเยียน ประธานกรรมการบริษัทนีโอ3241 ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด หรือ นีโอกรุ๊ป(NEO Group) กล่าวถึง การเปิดตัวโครงการใหม่ทั้งหมด 3 โครงการซึ่งมีมูลค่ารวม 300 ล้านบาท โดยเน้นกลุ่มโครงการแนวราบเป็นกลยุทธ์สำคัญในการรุกตลาด เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าให้ครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ ด้วยแผนเปิดตัว 3 โครงการ พร้อมสร้างจุดเด่นในแต่ละโครงการที่ชัดเจน แตกต่าง และเหนือกว่าคู่แข่งได้แก่ “SENSE นาคนิวาส48” บ้านเดี่ยวบ้านแฝดที่เน้นกลุ่มลูกค้าระดับกลางไปจนถึงระดับค่อนข้างสูงที่มีไลฟ์สไตล์อยากใช้เวลาร่วมกันกับครอบครัวเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน
“NEO SPACE @ WORK ลาดพร้าว41” โฮมออฟฟิศ เน้นจับกลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่startup หรือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดกลาง ที่ต้องการออฟฟิศทำงานและที่พักอาศัยในสถานที่เดียวกัน
“NEO HAUS PLUS นาคนิวาส32” พรีเมี่ยมทาวน์โฮมสไตล์โมเดิร์น เน้นกลุ่มลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว


นางปิยนุช กล่าวต่ออีกว่าแม้ “นีโอกรุ๊ป”จะเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์น้องใหม่ของวงการจากการเริ่มต้นในชื่อบริษัท“ฐานะดี” แต่จากประสบการณ์ที่สั่งสมมามากกว่า 10 ปีที่ได้ทำงานด้านการพัฒาที่ดินศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการให้กับบริษัทใหญ่ๆเพื่อนำมาพัฒนาปรับปรุงให้ที่อยู่อาศัยดียิ่งขึ้น และได้ทำการศึกษาข้อมูลและความต้องการของกลุ่มเป้าหมายผู้ที่ต้องการหาบ้านเพื่ออยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง พบว่า นอกจากทำเลที่ตั้งที่เป็นหัวใจสำคัญในการเลือกซื้อบ้านแล้ว การคมนาคมก็เป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิต รวมทั้ง การออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้สวยงาม และ ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างครบครันโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนอะไรมากก็มีความสำคัญเช่นเดียวกันจึงเล็งเห็นทำเลย่านนาคนิวาสที่จะนำมาพัฒนาเพื่อตอบโจทย์ในการทำที่พักอาศัยได้เช่นเดียวกัน
“ธุรกิจอสังหายังเป็นธุรกิจที่หอมหวานเพียงแต่ต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์เราจึงพยายามศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการให้มากที่สุด ธุรกิจอสังหาฯ เป็นสิ่งที่คนยังอยากเข้ามาลองเล่น เพราะคนยังต้องการบ้านและมองในเรื่องการบริการและราคาจึงเป็นกลยุทธ์สำคัญ”
อย่างไรก็ตาม ความผันผวนของเศรษฐกิจที่มีผลกระทบต่อยอดขาย คือ ปัจจุบันมีการเข้มงวดต่อการปล่อยกู้ของธนาคารมากขึ้น รวมถึงนโยบายต่างๆยังไม่เอื้อต่ออสังหาริมทรัพย์ ส่งผลให้กำลังซื้อของลูกค้าไม่เป็นไปตามเป้าเพราะธนาคารไม่สามารถอนุมัติการยื่นกู้ได้หากนับยอดreject ซึ่งคิดเป็น80% ต่อโครงการจึงแก้ปัญหาด้วยการพยายามเข้าถึงลูกค้าให้มากที่สุด คัดกรองลูกค้าในเบื้องต้น และดูกำลังในการซื้อ