ปตท. เผยครึ่งปีแรก 2562 มีรายได้ เพิ่มขึ้นเพียง 0.8% ขณะที่กำไรสุทธิ ลดลง 21% เร่งปรับกลยุทธ์ครึ่งปีหลังโดยใช้โอกาสจากดอกเบี้ยถูกลงและอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าเพื่อการลงทุนเพิ่มขึ้น

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี 2562 ได้ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์สงครามทางการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจที่ยังไม่มีความชัดเจน ส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกลดลงรวมถึงค่าการกลั่น (Gross Refinery Margins: GRM) และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและปิโตรเคมีเกือบทุกประเภทลดต่ำลงเช่นกัน จึงทำให้ ปตท.และบริษัทรายย่อย มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,121,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง ร้อยละ 0.8 หรือคิดเป็นมูลค่า 9,437 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่กำไรสุทธินั้น มีมูลค่าอยู่ที่ 55,250 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 21 หรือคิดเป็นมูลค่า 14,567 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่นปรับลดลง เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์กับวัตถุติบของผลิตภัณฑ์ปิโตรลียมและปิโตรเคมีเกือบทุกประเภทลดต่ำลง กำไรสต๊อกน้ำมันที่ลดลงตามราคาน้ำมันดิบรวมถึงกลุ่มธุรกิจก๊าซธรรมชาติ มีผลการดำเนินงานลดลงเช่นกัน จากหลักการของธุรกิจโรงแยกก๊าชธรรมชาติที่ราคาขายอ้างอิงราคาปิโตรเคมีปรับลดลงแต่ต้นทุนก๊าซฯ ปรับสูงขึ้น
ทั้งนี้ มองว่า ครึ่งปีหลังของปี 2562 ธุรกิจของปตท.อาจจะยังฟื้นตัวได้ไม่ดีนัก จากปัจจัยที่ส่งผลกระทบในเรื่องต่างๆ จึงวางแผนปรับกลยุทธ์สำหรับช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยการเร่งลงทุนในแผนงานที่ได้ตัดสินใจดำเนินการไปแล้วก่อนหน้า เพราะเล็งเห็นโอกาสจากภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัว ดอกเบี้ยที่ถูกลง รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยนที่แข็งค่าขึ้น พร้อมกันนี้ ยังมั่นใจด้วยว่า สถานการณ์เศรษฐกิจโลกจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นภายใน 1-2 ปี ข้างหน้า
ดังนั้น การตัดสินใจเร่งลงทุนในสถานการณ์เช่นนี้ จึงน่าจะเป็นโอกาสที่ดีในอนาคต และจะเป็นบทพิสูจน์ให้กับปตท.ว่า สามารถทำงานเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งท่ามกลางภาวะวิกฤติในปัจจุบันได้หรือไม่