ปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิงเป็นวงกว้างยังคงมีอยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา แม้ว่าบริษัท โคโลเนียล ไปป์ไลน์ จำกัด (Colonial Pipeline Co.) ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ได้ประกาศกลับมาดำเนินการตามปกติทั้งระบบแล้วในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (13 พ.ค.) หลังถูกอาชญากรไซเบอร์โจมตีด้วยมัลแวร์ ซึ่งส่งผลให้บริษัทต้องปิดเครือข่ายนานเกือบ 1 สัปดาห์
ข้อมูลล่าสุดจากแก๊สบัดดี้ (GasBuddy) แอปพลิเคชันแสดงข้อมูลล่าสุดของราคาและอุปสงค์ของน้ำมันเชื้อเพลิงระบุว่า ขณะนี้ ปั๊มน้ำมันที่ขาดแคลนน้ำมันในกรุงวอชิงตัน ดี. ซี. เมืองหลวงของประเทศ มีมากถึงร้อยละ 80 ส่วนปั๊มน้ำมันอื่นๆ ในประสบปัญหาเดียวกันดังนี้ นอร์ทแคโรไลนาร้อยละ 63 จอร์เจียและเซาท์แคโรไลนามากกว่าร้อยละ 40 และเวอร์จิเนียร้อยละ 38
เมื่อวันเสาร์ (15 พ.ค.) บริษัทระบุว่า ขณะนี้ได้มีการจัดส่งน้ำมันเชื้อเพลิงไปตามท่อส่งน้ำมันปริมาณหลายล้านแกลลอนในแต่ละชั่วโมง เพื่อให้บริการตลาดทุกแห่งรวมถึงเท็กซัส, ลุยเซียนา, มิสซิสซิปปี, แอละแบมา, เทนเนสซี, จอร์เจีย, เซาท์แคโรไลนา, นอร์ทแคโรไลนา, เวอร์จิเนีย, แมริแลนด์, วอชิงตัน ดี.ซี., เดลาแวร์, เพนซิลเวเนีย และนิวเจอร์ซีย์
การโจมตีทางไซเบอร์ที่เกิดขึ้นทำให้บริษัทต้องปิดท่อขนส่งเป็นระยะทางราว 5,500 ไมล์เมื่อหนึ่งสัปดาห์ก่อน ซึ่งส่งผลให้เกิดปัญหาการขาดแคลนเชื้อเพลิงเป็นวงกว้างในภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ และเกิดการแห่กักตุนน้ำมันด้วยความตื่นตระหนกในรัฐบางแห่ง
บริษัทฯ ทำหน้าที่จัดหาเชื้อเพลิงแก่ชาวสหรัฐฯ เกือบครึ่งหนึ่งที่อาศัยอยู่ในชายฝั่งตะวันออก (East Coast) ซึ่งรวมทั้งน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันทำความร้อน และน้ำมันเครื่องบิน โดยแม้จะเริ่มกลับมาดำเนินการได้เมื่อประมาณ 17.00 น. ของวันพุธที่ 12 พ.ค. (ตามเขตเวลาตะวันออก) แต่บริษัทได้ประกาศเตือนว่าท่อส่งน้ำมันยังไม่สามารถกลับมาใช้งานได้โดยสมบูรณ์ในทันที
บริษัทระบุว่าจะมีการลงทุนในทรัพยากรที่จำเป็น เพื่อรักษาการดำเนินงานท่อขนส่งน้ำมันให้มีความปลอดภัยและเชื่อถือได้
อ้างอิง : สำนักข่าวซินหัวไทย
