เมื่อคนไทยใช้งานบนโลกออนไลน์มากขึ้น ดังนั้นการเชื่อมโยงโลกออนไลน์และโลกออฟไลน์จึงเป็นเรื่องสำคัญ Buzzebees มอง ธุรกิจค้าปลีกและร้านอาหาร จะไม่มีวันที่ Digital Disruption จะหยุดลง ต้องเริ่มปรับตัวโดยการใช้เทคโนโลยีเอาใจลูกค้า
ในช่วง 23 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าวงการค้าปลีกเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เมื่อเทคโนโลยีและดิจิทัลได้สร้างแรงสั่นสะเทือนในวงกว้าง ส่งผลให้ธุรกิจค้าปลีกต้องเผชิญกับความท้าทายหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะแพลตฟอร์มบน
ดิจิทัลต่าง ๆ ได้กลายมามีอิทธิพลต่อการซื้อขายในปัจจุบัน เนื่องด้วยปี 2562 สถิติคนไทยใช้เวลาบนอินเทอร์เน็ตในทุกอุปกรณ์ สูงถึง 9 ชั่วโมงต่อวัน และด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่ชอบความสะดวกสบายและรวดเร็ว จึงเป็นโจทย์ใหญ่ที่ธุรกิจค้าปลึกต้องหาทางปรับตัวเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพื่อความอยู่รอดของธุรกิจต่อไปในอนาคต

นายไมเคิล เชน ประธานเจ้าหน้ที่บริหารและผู้ก่อตั้ง บริษัท บัชซี่บีส์ จำกัด ระบุว่า Buzzebees ครองส่วนแบ่งการตลาดกว่าร้อยละ 95 ของบริษัททั้งหมดที่ใช้แพลตฟอร์ม Customer Relations Management (CRM) คิดเป็นธุรกิจค้าปลีกราว 200,000 ธุรกิจและมีพันธมิตรองค์กรมากกว่า 100 แห่งในหลากหลายธุรกิจ และพันธมิตรทางธุรกิจค้าปลีก กว่า 20,000 แห่ง จากประสบการณ์ของตนเองและทีมงานที่คลุกคลีอยู่ในแวดวงไอทีมากว่า 20 ปี ได้เริ่มเห็นเทรนด์โซเซียลเมื่อ 8 ปีที่ผ่านมา จึงได้ก่อตั้ง Buzzebees เพื่อเป็นโซลูชั่นทางธุรกิจให้กับแบรนด์องค์กร ธุรกิจค้าปลีก และผู้ประกอบการ SME รวมถึงสร้างโมเดลมารองรับเทรนด์ดิจิทัลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งนับตั้งแต่ปีก่อตั้ง ปี 2012 คนส่วนใหญ่ยังไม่คาดคิดว่าจะเกิด Technology Disuption เฉกเช่นทุกวันนี้
ผู้ก่อตั้ง Buzzebees มองว่า วิสัยทัศน์ของผู้นำองค์กร รวมถึงพนักงานมีส่วนสำคัญมากที่จะนำพาธุรกิจให้ก้าวไปในทิศทางใด ข้อมูลล่าสุดปื 2019 จะเห็นได้ว่าร้านค้าปลีกในสหรัฐอเมริกา ได้ปิดตัวลงไปถึง 9,302 แห่ง ซึ่งเป็นอัตราที่สูงขึ้นจากปี 2018 ถึงร้อยละ 59 เนื่องด้วยปัจจุบันร้านค้าออนไลน์ครองส่วนแบ่งทางการตลาดถึงร้อยละ 16 ในสหรัฐฯ และมีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 25 ในปี 2026 และอาจส่งผลให้ร้านค้าปลึกปิดตัวอีกกว่า 75,00 แห่ง ภายในระยะเวลา 7 ปีข้างหน้า ซึ่งสถิติต่างๆ ล้วนมีนัยสำคัญ”
นางสาวณัฐธิดา สงวนสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท บัชซี่บีส์ จำกัด ระบุว่า Digital Disruption ปัจจุบันจะไม่มีวันหยุดนิ่ง เทรนด์ธุรกิจที่บริษัทคาดการณ์จากข้อมูล พบว่า ธุรกิจอาหารหลังจากนี้ต้องจัดส่งเร็วขึ้น โดยผู้ใช้ต่างต้องการได้รับอาหารต่ำกว่า 30 นาที ตั้งแต่กดออเดอร์และจัดส่งถึงบ้าน ดังนั้นการนำระบบหลังบ้านของแพลตฟอร์มส่งอาหารต่าง ๆ มารวมกันในหน้าต่างเดียวสำหรับร้านค้า เพื่อให้คำสั่งซื้ออาหารมาถึงร้านก่อนคนจัดส่งสินค้า ดังนั้นส่วนตังมองว่า ใครที่ยอมเปิดระบบหลังบ้านให้สามารถทำการสั่งอาหารแบบนี้ได้ก็จะประสบความสำเร็จก่อน ขณะเดียวกันเมื่อยอดการสั่งซื้ออาหารออนไลน์เพิ่มมากขึ้น ทำให้ร้านจำเป็นที่จะต้องมีครัวสำหรับบริการสั่งอาหารออนไลน์โดยเฉพาะ
กรรมการผู้จัดการ Buzzebees มองว่า ขณะที่ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้กลุ่มผู้สูงอายุเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูง แต่ไม่ใช่แค่กลุ่มผูสูงอายุอย่างเดียว แต่กลุ่มคนรุ่นใหม่ก็เป็นอีกหนึ่งที่น่าจับตา เพราะกลุ่มคนรุ่นใหม่มักนิยมในเกมอย่างการแข่งขัน อี-สปอร์ท ซึ่งยอดคนดูการแข่งขันและเงินรางวัล สูงกว่าการแข่งขันบางรายการที่เคยมีมาเสียอีก

ประกอบกับการที่ปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีส่วนในชีวิตประจำวัน จะทำให้ธุรกิจค้าปลีกสามารถออกโปรโมชั่นแบบทันท่วงทีได้เลย เพื่อดึงดูดลูกค้ากลับมายังแพลตฟอร์มนั้น ๆ ซึ่งร้านค้าบนโลกออฟไลน์ก็ต้องทำการวิเคราะห์ลูกค้าที่มาซื้อในร้าน โดยการใช้ปัญญาประดิษฐ์วิเคราะ เพศ อายุ และลักษณะท่าทาง โดยวิเคราะห์ว่า ลูกค้าทำอะไร มาครั้งแรกหรือไม่ ดูสินค้าออนไลน์หรือไม่ และคนร้ายที่ต้องการขโมยสินค้าในร้านจะมีลักษณะท่าทางอย่างไร
ขณะที่การปรับให้เข้ากับบุคคลแต่ละประเภท(Personalization) ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อทำให้เกิดยอดขายบนโลกออนไลน์และออฟไลน์ อย่างไรก็ตามการทำการตลาดให้ไร้รอยต่อระหว่างโลกออนไลน์และออฟไลน์(Omni Channel)ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่สำคัญ
นางสาวณัฐธิดา มองว่า แบรนด์ขยับตัวช้ากว่าลูกค้าซึ่งเป็นไปทั้งภูมิภาคไม่เฉพาะประเทศไทย แต่สำหรับไทยพบว่า การใช้กลไกของ CRM บนโลกดิจิทัล ยังไม่ได้อยู่ในขั้นของ การเริ่มใช้(Early Adoption)เลย ซึ่งในตลาดต่างประเทศ Buzzebees กำลังจะขยายไปยังประเทศอื่น ๆ ในอาเซียน ซึ่งจะวัดอัตราการเติบโตตามอัตราประกร เช่น อินโดนีเซีย ประชากรใกล้เคียงกับไทย ดังนั้นรายได้ในปีที่ 3 ก็ต้องมีรายได้ใกล้เคียงกับไทย โดยเชื่อว่าปี 2563 จะมีรายได้รวมถึง 1,000 ล้านบาท