ครม.เห็นชอบร่างถ้อยแถลงรัฐมนตรี SME เอเปค เสริมแกร่งเอสเอ็มอี 21 เขตเศรษฐกิจ
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566 ว่า ครม.เห็นชอบร่างถ้อยแถลงรัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเอเปค ครั้งที่ 29 ตามที่สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เสนอ ซึ่งจะมีการจัดประชุมขึ้นในวันที่ 21 สิงหาคม 2566 ณ เมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา

ภายใต้หัวข้อหลัก “สร้างอนาคต ที่พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงและยั่งยืนสำหรับทุกคน” (Creating a Resilient and Sustainable Future for All) โดยที่ประชุมจะมีการรับรองร่างถ้อยแถลงเพื่อใช้เป็นเอกสารผลลัพธ์ของการประชุมรัฐมนตรีวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมเอเปคในครั้งนี้
ร่างถ้อยแถลงฉบับนี้ มีสาระสำคัญเป็นการสร้างเส้นทางสู่การเติบโตของ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) และการบูรณาการ SME เข้ากับห่วงโซ่อุปทานและห่วงโซ่คุณค่าระดับโลก รวมถึงการเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจชีวภาพ – ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน – ระบบเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) ของ SME ใน 21 เขตเศรษฐกิจเอเปค
ครม.เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ด้านเศรษฐกิจ 14 ฉบับ ในการประชุมอาเซียน 3 เวที
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566 ว่า ครม.เห็นชอบร่างเอกสารผลลัพธ์ด้านเศรษฐกิจ รวม 14 ฉบับ สำหรับการประชุม 3 เวที คือ 1) การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (ASEAN Economic Ministers : AEM) ครั้งที่ 55 ระหว่างวันที่ 17 – 22 สิงหาคม 2566 2) การประชุมคณะมนตรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC Council) ครั้งที่ 23 ระหว่างวันที่ 2 – 3 กันยายน 2566 และ 3) การประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน (ASEAN Summit) ครั้งที่ 43 ระหว่างวันที่ 4 – 7 กันยายน 2566

โดยประเทศอินโดนีเซียเป็นเจ้าภาพจัดประชุม ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ การประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (AEM) ครั้งที่ 55 ระหว่างวันที่ 17 – 22 สิงหาคม 2566 เป็นการประชุมระดับรัฐมนตรีพาณิชย์ของประเทศสมาชิกอาเซียน เพื่อหารือ ทบทวน และพิจารณากำหนดแนวทางความร่วมมือทางเศรษฐกิจของอาเซียน โดยที่ประชุมจะมีการรับรองร่างเอกสารผลลัพธ์ รวม 8 ฉบับ
รัฐบาลจีนไฟเขียว ‘ฉางอัน’ ตั้งฐานผลิต EV ในไทย พร้อมเดินเครื่อง ตั้งเป้า 1 แสนคัน/ปี
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า ผลสำเร็จจากการเดินทางเยือนมหานครฉงชิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 27 – 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา เพื่อเข้าพบกับนาย Zhu Huarong ประธานกรรมการ และคณะผู้บริหาร บริษัท ฉางอัน ออโตโมบิล จำกัด (Changan Automobile) ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ายักษ์ใหญ่ของจีน

โดยล่าสุดรัฐบาลจีนเห็นชอบให้บริษัทฯ ยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอแล้ว โดยมีการลงทุนในเฟสแรกมูลค่ากว่า 8,800 ล้านบาท เพื่อจัดตั้งฐานการผลิตรถยนต์พวงมาลัยขวาทั้งประเภท BEV, PHEV, REEV (Range Extended EV) กำลังการผลิต ในระยะแรก 1 แสนคันต่อปี เพื่อตอบสนองความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยจะจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปยังกลุ่มอาเซียน รวมถึงออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ แอฟริกาใต้ และตลาดอื่น ๆ
บริษัท ฉางอัน ออโตโมบิล เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและระบบขับขี่อัจฉริยะ และเป็น 1 ใน 4 ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของจีน ด้วยยอดขายกว่า 2 ล้านคันในปีที่แล้ว มีสำนักงานใหญ่ และฐานการผลิตหลักอยู่ที่มหานครฉงชิ่ง อีกทั้งได้มีการร่วมลงทุนกับบริษัทฟอร์ด และมาสด้า ผลิตรถยนต์ในจีนด้วย สำหรับแผนการลงทุนในประเทศไทยนั้น บริษัทเริ่มศึกษาข้อมูลการลงทุนในไทยตั้งแต่ปี 2563 พร้อมหารือร่วมกับสำนักงานบีโอไอ ณ นครเซี่ยงไฮ้ และสำนักงานใหญ่อย่างใกล้ชิด เพื่อศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกประกอบการวางแผนการลงทุน และหารือมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ ของภาครัฐ “การที่บริษัท ฉางอัน ออโตโมบิล จำกัด เลือกไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลจีนในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่น และความพร้อมของไทยในการเป็นแหล่งผลิตรถยนต์ที่โดดเด่นของภูมิภาค จากที่บีโอไอได้เดินทางไปพบประธานกรรมการบริษัทฯ เมื่อเดือนมิถุนายน
บีโอไอ เดินหน้าจัดงานใหญ่ SUBCON EEC 2023 เสริมแกร่งผู้ประกอบการพื้นที่ภาคตะวันออก
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ ร่วมกับสมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย (ซับคอน) และอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ จัดงาน SUBCON EEC 2023 ต่อยอดความสำเร็จจากปีที่ผ่านมาเป็นปีที่ 2 ระหว่างวันที่ 6 – 8 กันยายน 2566 ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาตินงนุช พัทยา จังหวัดชลบุรี

ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าและบริการครบวงจรที่รวมเอาเทคโนโลยีด้านการบำรุงรักษาของภาคอุตสาหกรรม เทคโนโลยีหุ่นยนต์อุตสาหกรรม ระบบอัตโนมัติ และโซลูชันอุตสาหกรรมจากแบรนด์ชั้นนำ พร้อมการแสดงชิ้นส่วนอุตสาหกรรม และเวทีเจรจาจับคู่ธุรกิจที่ครบวงจรที่สุดในพื้นที่ภาคตะวันออกเพื่อสนับสนุนภาคการผลิตและธุรกิจบริการไทยให้พร้อมรองรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่อุตสาหกรรมแห่งอนาคต โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่มีความสำคัญต่อพื้นที่ภาคตะวันออก เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และระบบการผลิตอัจฉริยะ เป็นต้น โดยภายในงานจะมีบริษัทมาร่วมแสดงสินค้ากว่า 150 ราย ผู้ซื้อรายใหญ่กว่า 100 ราย คาดว่าจะเกิดการจับคู่เจรจาธุรกิจกว่า 600 คู่ ซึ่งจะสร้างมูลค่าการเชื่อมโยงธุรกิจกว่า 2,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 5,000 คน
สำหรับปีนี้ถือเป็นหนึ่งในปีทองการลงทุนของไทย จากแนวโน้มการลงทุนในครึ่งปีแรกที่มีทิศทางบวก โดยมีโครงการยื่นขอส่งเสริมการลงทุน 891 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 18 เป็นเงินลงทุนกว่า 364,420 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 70 โดยเป็นการลงทุนใน 3 กลุ่มหลักที่ขยายตัวโดดเด่น ได้แก่ อิเล็กทรอนิกส์ เกษตรและอาหาร และยานยนต์และชิ้นส่วน รวมถึงอุตสาหกรรมเป้าหมายอื่นๆ ที่ขยายตัวมากขึ้น ได้แก่ ไบโอเทคโนโลยี การแพทย์ ดิจิทัล และอากาศยาน
SME D Bank ร่วมงาน Money Expo KORAT 2023 หนุน SMEs แดนอีสาน
ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ยกขบวน “เติมทุนคู่พัฒนา” เสริมแกร่งเอสเอ็มอีแดนอีสาน จัดโปรโมชั่นเข้าร่วมงาน “มหกรรมการเงิน โคราช” ครั้งที่ 17 (Money Expo KORAT 2023) วันที่ 18-20 สิงหาคม 2566 ณ เอ็มซีซีฮอลล์ เดอะมอลล์โคราช จ.นครราชสีมา หมายเลขที่บูธ F 3 พบกับบริการด้าน “การเงิน” เติมทุนเต็มพิกัด

เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน เสริมศักยภาพธุรกิจ ด้วยผลิตภัณฑ์สินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ วงเงินกู้สูงสุด 50 ล้านบาท ผ่อนสบายสูงสุด 15 ปี ใช้ได้ทั้งลงทุน ขยาย หมุนเวียน เสริมสภาพคล่อง หรือรีไฟแนนซ์ ควบคู่กับ ฟรีโปรแกรม “การพัฒนา” ผ่านโครงการ “SME D Coach” ให้คำปรึกษาโดยโค้ชมืออาชีพ ช่วยธุรกิจเดินหน้าสู่ความสำเร็จ ห้ามพลาด! แถมโปรโมชั่นสุดพิเศษ สำหรับลูกค้าใหม่ เมื่อยื่นกู้และเบิกใช้วงเงิน ตั้งแต่ 1-50 ล้านบาท รับแคมเปญ Cash Back สูงสุด 60,000 บาท ได้แก่ ค่าประเมินหลักทรัพย์ค้ำประกัน มูลค่าสูงสุด 30,000 บาทต่อราย และ ค่าจดจำนองหลักประกัน มูลค่าสูงสุด 30,000 บาทต่อราย อีกทั้ง เมื่อยื่นขอสินเชื่อภายในงาน รับทันที บัตรสตาร์บัค มูลค่า 200 ใบ (จำนวนจำกัด) และกรณีได้รับอนุมัติสินเชื่อและเซ็นสัญญา รับบัตรเติมน้ำมัน มูลค่าสูงสุด 2,000 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357