แม้ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยจะพลิกกลับมาเติบโตเป็นบวกจากที่หดตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2562 แต่แนวโน้มตลาดนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยปี 2563 ยังมีหลายปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม ส่วนหนึ่งเป็นผลจากเหตุความไม่สงบในฮ่องกง ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนจุดหมายท่องเที่ยวไปยังประเทศอื่น
สำหรับประเทศไทยในปี 2563 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่จะถึงนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวจีนส่วนหนึ่งนิยมเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ตลาดนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยน่าจะยังมีบรรยากาศที่ดี โดยคาดว่าในช่วงนี้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยประมาณ 365,500 คน เพิ่มขึ้นประมาณ 2.7% เติบโตใกล้เคียงกับตรุษจีนปีที่ผ่านมา ผลพวงจากการทำตลาดอย่างต่อเนื่องของหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประกอบกับมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม Visa on Arrivals เป็นปัจจัยที่สนับสนุนในการทำตลาดเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจีน
เปิดตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทย
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดหลังตรุษจีน ยังเป็นปัจจัยเดิมที่ยังมีผลต่อเนื่องมาจนถึงปีนี้ ได้แก่่ความเสี่ยงจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนที่จะส่งผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวบางกลุ่ม ซึ่งส่งผลทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวของไทยจะทำตลาดยากขึ้น บวกกับการจากการบุกตลาดท่องเที่ยวในประเทศจีนเองและระหว่างประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวมีจุดหมายปลายท่องเที่ยวที่เป็นทางเลือกที่หลากหลายขึ้น ยังไม่รวมความผันผวนของค่าเงินบาทเทียบหยวน เมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ ที่ส่งผลต่อกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีความอ่อนไหวด้านราคา
ขณะที่ปัจจัยท้าทายใหม่ที่ต้องติดตาม ได้แก่ โรคปอดที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสโคโรน่า (Coronavirus (COV)) สายพันธุ์ใหม่ในเมืองอู่ฮั่นในมณฑลหูเป่ย ของจีน พัฒนาการของสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางและราคาน้ำมันที่ผันผวนสูง ตลอดจนภัยธรรมชาติและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยว
อย่างไรก็ดี ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังมองว่า ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่ยังอยู่ในกรอบจำกัด และปัจจัยเสี่ยงบางประการอาจจะส่งผลในทางบวกบ้างต่อการท่องเที่ยวไทย เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน อาจจะส่งผลทำให้นักท่องเที่ยวจีนบางกลุ่มปรับเปลี่ยนจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวหันมาเดินทางระยะใกล้เพื่อให้สอดคล้องกับงบประมาณ เช่นเดียวกับปัญหาความไม่สงบในภูมิภาคตะวันออกกลาง อาจทำให้นักท่องเที่ยวจีนหลีกเลี่ยงการเดินทางไปท่องเที่ยวในภูมิภาคดังกล่าว รวมถึงการที่ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความสำคัญในการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์โรคปอดที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสโคโรน่า (Coronavirus (COV)) สายพันธุ์ใหม่นี้อย่างใกล้ชิด
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ทั้งปี 2563 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยจะอยู่ที่ประมาณ 11.10-11.30 ล้านคน หรือเติบโตประมาณ 1.6%-3.5% ชะลอลงจากปี 2562 ซึ่งอัตราการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนคงจะไม่สูงดังเช่นในอดีตที่ผ่านมา ซึ่งนอกเหนือจากปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่กล่าวข้างต้น สาเหตุอีกส่วนหนึ่งมาจากฐานของตลาดนักท่องเที่ยวจีนที่มีขนาดใหญ่ด้วย นอกจากนี้ การขยายตัวเป็นบวกที่ต่อเนื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยคงจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 2563 ขณะที่ในช่วงครึ่งหลังของปี ภาพการเติบโตจะเผชิญความท้าทายจากผลของฐานที่สูงในก่อน
เปิดตัวเลขค่าการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวจีน
ในอดีต นักท่องเที่ยวจีนนับเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มักจะมีการใช้จ่ายระหว่างการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศที่สูง ซึ่งรวมถึงการใช้จ่ายในประเทศไทยด้วย แต่ในปี 2562 ที่ผ่านมา การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ พบว่า ชะลอตัวลงในหลายๆ ประเทศ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจจีนและค่าเงินหยวนที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนบางกลุ่มมีการระมัดระวังในการใช้จ่าย
นอกจากนี้ยังเป็นผลมาจากพฤติกรรมและความต้องการในสินค้าและบริการด้านการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจีนที่เปลี่ยนไป โดยจะให้ความสำคัญกับความคุ้มค่าของสินค้าและบริการ มีการเปรียบเทียบราคาสินค้าและบริการมากขึ้น อีกทั้งเมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการท่องเที่ยว ทำให้นักท่องเที่ยวจีนสามารถที่จะสืบหาและเปรียบเทียบสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น รวมถึงการเข้าถึงแหล่งที่ซื้อสินค้าในราคาที่ไม่สูง
สำหรับการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยในปี 2563 ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 550,000–560,000 ล้านบาท หรือเติบโตประมาณ 1.1%-2.8% ชะลอลงจากปี 2562 ซึ่งหากพิจารณาหมวดการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนเที่ยวไทยที่ยังขยายตัว จะเป็นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม สำหรับการใช้จ่ายด้านโรงแรมและที่พักจะมีมูลค่าลดลง เพราะแข่งขันของธุรกิจโรงแรมและที่พัก ที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนมีทางเลือกมากขึ้นในการเปรียบเทียบคุณภาพและราคา

ปรับตัวรับมือนักท่องเที่ยวจีน
ภายใต้สภาวะการแข่งขันทางธุรกิจที่มีมากขึ้น ในขณะเดียวกันพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจีนและต่างชาติที่เปลี่ยนเร็วโดยมีความต้องการที่ซับซ้อนและหลากหลาย สะท้อนจากความต้องการที่จะเดินทางท่องเที่ยวด้วยตนเอง (FIT) มากขึ้น ผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวจึงหนีไม่พ้นที่คงจำเป็นต้องปรับวิถีการดำเนินธุรกิจให้เท่าทันและแตกต่างไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็น การปรับแพคเกจท่องเที่ยวให้เข้ากับเทรนด์และความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของนักท่องเที่ยวจีนแต่ละกลุ่ม แต่ละช่วงวัย หรือนักท่องเที่ยวที่เดินทางกับครอบครัวที่มีหลายช่วงวัย นอกจากนี้ยังเข้าไปอยู่ในช่องทาง/แพลตฟอร์ม/แอพพลิเคชั่น ที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมใช้ในการค้นหาแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งการใช้ QR Code และเทคโนโลยี AR ที่สามารถเชื่อมคลิปวิดีโอในการช่วยประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่างๆ หรือแม้กระทั่งการมีระบบการชำระเงินที่นักท่องเที่ยวจีนนิยมใช้ระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว
ท็อปฟอร์มต่อเนื่อง “ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอลฯ” ทิ้งไพ่เด็ด ส่งหนังแอกชั่นฟอร์มยักษ์รับตรุษจีน
เจาะลึก 4 กลยุทธ์ธุรกิจพิชิตใจนักท่องเที่ยวจีนแบบติดไซเรน!