HomeBT Newsย่อข่าวธุรกิจในประเทศ 15 พฤศจิกายน 2566

ย่อข่าวธุรกิจในประเทศ 15 พฤศจิกายน 2566


คืบหน้า! 2 โครงการเคหะสุขประชา “ร่มเกล้า-ฉลองกรุง“ สานฝันคนอยากมีบ้าน

กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกับการเคหะแห่งชาติ เผยความคืบหน้าของโครงการบ้านเคหะสุขประชา ปัจจุบันดำเนินโครงการนำร่องแล้ว จำนวน 2 โครงการ คือ

- Advertisement -


  1. โครงการบ้านเคหะสุขประชาร่มเกล้า แขวงคลองสองต้นนุ่น เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ
  • อัตราเช่าเริ่มต้นที่ 2,400 – 3,900 บาท/เดือน ปัจจุบันมีผู้เช่าเข้าอยู่เต็มโครงการแล้ว
  1. โครงการบ้านเคหะสุขประชาฉลองกรุง แขวงลำผักชี เขตหนองจอก กรุงเทพฯ
  • อัตราเช่าเริ่มต้นที่ 1,950 – 3,750 บาทต่อเดือน (รวมค่าบริหารชุมชนแล้ว) ภายในโครงการจะมีตลาดสุขประชามาร์เก็ต ฉลองกรุง ผู้อยู่อาศัยสามารถเช่าแผงตลาดเพื่อการค้าขายได้ และมีผู้เข้าอยู่อาศัยแล้วราว 60.93%

นอกจากนี้ ยังมีการจัดฝึกอบรมพัฒนาทักษะความรู้ให้กับผู้เช่า เพื่อพัฒนาทักษะความรู้จากผู้เชี่ยวชาญใน 6 กลุ่มอาชีพ ได้แก่ เกษตรอินทรีย์ ปศุสัตว์ อาชีพด้านการบริการในชุมชน ตลาด อุตสาหกรรมขนาดเล็ก และศูนย์การค้าปลีก-ส่ง

ประชาชนที่สนใจสามารถเข้ามาเยี่ยมชมโครงการฯ ณ ที่ตั้งโครงการ (Walk in) และทำสัญญาได้ทันที โดยต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

  1. ถือสัญชาติไทย
  2. เป็นผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19
  3. เป็นผู้ว่างงาน ครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว ผู้พิการ ผู้สูงอายุ
  4. บรรลุนิติภาวะ
  5. เป็นผู้มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท ต่อเดือนต่อครัวเรือน


เริ่มแล้ว! ฝากเงินสดผ่านตู้อัตโนมัติ ต้องยืนยันตัวตน

เริ่มมีผลใช้แล้วในทุกพื้นที่ สำหรับมาตรการยืนยันตัวตนของผู้ฝากเงินสด เมื่อทำธุรกรรมผ่านตู้ฝากเงินสดอัตโนมัติ หรือตู้ CDM (Cash Deposit Machine) ทุกธนาคาร ซึ่งเป็นมาตรการใหม่ที่ ปปง. ธปท. และสมาคมธนาคารไทย กำหนดขึ้น ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน


ผู้ฝากเงินเข้าบัญชีภายในและต่างธนาคาร และชำระบิลด้วยเงินสด ต้องแสดงตนผ่าน 2 ช่องทาง

  • ระบุเลขที่บัตรประชาชน 13 หลัก และเบอร์โทรศัพท์มือถือ จากนั้นรอรับ SMS OTP และกดรหัสที่ได้รับ สามารถฝากได้สูงสุด 30,000 บาทต่อครั้ง
  • ใช้บัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิตของผู้ฝากเงินและรหัสส่วนตัว (PIN) สามารถฝากได้สูงสุด 100,000 บาทต่อรายการ

มาตรการดังกล่าว เกิดขึ้นเพื่อป้องกันการใช้เป็นช่องทางการฟอกเงิน จากการก่ออาชญากรรม ยาเสพติด และการพนัน รวมถึงการทำธุรกรรมหลอกลวงทางการเงิน เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลุ่มมิจฉาชีพหลอกขายสินค้า ขณะเดียวกัน เพื่อให้การทำธุรกรรมเงินสดมีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ทั้งต้นทางและปลายทาง รวมทั้งเพิ่มความปลอดภัยและความมั่นใจให้ประชาชนในการทำธุรกรรมและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับระบบการเงิน


นายกฯ ประกาศไทยพร้อมขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ

(13 พ.ย. 66 ตามเวลาท้องถิ่นนครซานฟรานซิสโก) นายกฯ ร่วมปาฐกถาเปิดงาน Networking Reception โดยมีผู้แทนภาคเอกชนไทย จาก 16 บริษัท คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) และบริษัทสหรัฐฯ จากกว่า 9 สาขา เข้าร่วมด้วย


นายกฯ ย้ำ “ประเทศไทยเปิดกว้าง และพร้อมเปิดรับภาคธุรกิจแล้ว” การร่วมประชุมเอเปคครั้งนี้ จึงได้นำภาคเอกชนชั้นนำของไทยที่มาร่วมด้วยเพื่อพบกับนักธุรกิจสหรัฐฯ และเชื่อว่ากิจกรรมนี้จะเปรียบเสมือนสะพานเชื่อมต่อเพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายสำคัญสำหรับภาคเอกชนสหรัฐฯ ทั้งด้านการลงทุน ด้านความยั่งยืน อุตสาหกรรมยานยนต์ โครงสร้างพื้นฐาน ความสะดวกในการทําธุรกิจ เป็นต้น

ยืนยันไทยเป็นจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัยสำหรับการลงทุนและมีศักยภาพการเติบโตสูงมากในเอเชีย ด้วยแรงขับเคลื่อนจากเศรษฐกิจมหภาคที่ดี เสถียรภาพทางการเมือง การบริหารธุรกิจแบบมืออาชีพ และสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรต่อการลงทุน


นายกฯ หารือภาคเอกชนชั้นนำของสหรัฐฯ

  • บริษัท Tesla ที่ดำเนินธุรกิจด้านรถยนต์ไฟฟ้าและด้านพลังงานระดับท็อปในตลาด EV
  • บริษัท HP ผู้นำด้านการผลิต PC & Laptop และกลุ่มเครื่องพิมพ์
  • บริษัท Analog Devices, Inc. หรือ ADI บริษัทผลิตวงจรรวม (Integrated Circuit: IC) รายใหญ่ระดับโลก


ย้ำความพร้อมไทยเป็นฐานการผลิต พัฒนา supply chain และอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจอย่างเต็มที่


EXIM BANK และ CCM ร่วมฉลองความสำเร็จลดก๊าซเรือนกระจกสมัครใจ

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) และนายวรพจน์ เพียรอภิธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอทโก้เมททอลเวอร์คส จำกัด (มหาชน) (CCM) ร่วมฉลองความสำเร็จในการขึ้นทะเบียนโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program : T-VER) แบบแผนงาน (Programme of Activites : PoA) กับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.)


เพื่อผลักดันตลาดซื้อขายคาร์บอนเครดิตของประเทศไทย ณ EXIM BANK สำนักงานใหญ่ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2566EXIM BANK เป็นสถาบันการเงินแห่งแรกของประเทศไทยที่ได้รับอนุมัติโครงการ T-VER PoA จาก อบก. รองรับการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิตของโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์หลายโครงการ จำนวน 60,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี หรือประมาณ 80 เมกะวัตต์ ระยะเวลาโครงการทั้งสิ้น 14 ปี ซึ่ง EXIM BANK ได้เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs หรือโครงการขนาดเล็กที่ไม่มีความคุ้มค่าในการขึ้นทะเบียนคาร์บอนเครดิต สามารถขอขึ้นทะเบียนเพื่อรับผลประโยชน์จากคาร์บอนเครดิตเพิ่มเติม

โดย EXIM BANK เป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขึ้นทะเบียน และส่วนแบ่งที่ EXIM BANK ได้รับเป็นคาร์บอนเครดิตจากโครงการนี้จะนำไปชดเชยกับปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่าง ๆ ของ EXIM BANK เพื่อให้บรรลุเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ต่อไป ทั้งนี้ CCM เป็นลูกค้ารายแรกที่เข้าร่วมโครงการ T-VER PoA กับ EXIM BANK ภายหลังได้รับการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อลงทุนติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าบนหลังคาโรงงาน (Solar Rooftop)“EXIM BANK มุ่งสู่เป้าหมายการเป็น Green Development Bank จึงเริ่มต้นผลักดันให้เกิดการซื้อขายคาร์บอนเครดิต เพื่อนำไปหักลบกับมลพิษที่ปล่อย ทำให้เกิดความเป็นกลางทางคาร์บอน ควบคู่กับการสานพลังกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย สร้างระบบนิเวศครบวงจรที่จะนำไปสู่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรและประเทศไทยได้ตามเป้าหมาย” ดร.รักษ์ กล่าว

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News