สงครามทีวีดิจิทัลระอุอีกครั้งหลัง Mono Group ตั้งเป้าขึ้นแท่นคอนเทนต์มีเดียยักษ์ใหญ่ จับมือกับ GMM Grammy-GMM Studios ร่วมมือทางธุรกิจแบบ “Super Giant Alliance” เซ็นสัญญา 3 ปี ผ่านความร่วมมือ 5 ด้าน ทั้งคอนเทนต์ ศิลปิน การตลาด การขาย และเทคโนโลยี
นายปฐมพงศ์ สิรชัยรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บมจ. โมโน เทคโนโลยี ระบุว่า การร่วมมือกันในครั้งนี้ผ่านการพูดคุยกันเพียง 3 เดือน หลังจากที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ประกาศให้คืนทีวีดิจิทัล ซึ่ง โมโน และ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ต่างมีแผนเหมือนกัน คิดการใหญ่เหมือนกัน จึงเป็นที่มาของการเซ็นสัญญาความร่วมมือทางธุรกิจกัน
โมโน และ จีเอ็มเอ็ม ต่างมีจุดแข็งที่ชัดเจน โมโน ให้บริการข้อมูลและธุรกิจบริการด้านความบันเทิงที่มีการพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในช่วงระยะเวลากว่า 5 ปี ผลักดันให้ช่อง MONO29 เติบโตและสามารถครองอันดับต้น ๆ มาตลอด
โมโนมองหาคนที่จะผลิตที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งหลายช่องเริ่มเห็นแล้วว่าการทำอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยตัวเอง มันไม่เกิดประสิทธิภาพ ให้คนอื่นผลิตจะเกิด Economy Scale ที่ดีกว่า โมโนมองว่าจะผลิตอะไรให้ใครดู และจะให้ดูยาว ๆ อย่างไร โดยใช้ต้นทุนเท่ากันแต่ได้ประสิทธิผลสูงกว่า
ซึ่งจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มีสื่อและคอนเทนต์ที่แข็งแรงและแข็งแกร่ง ทั้งเพลง ศิลปิน ซีรีส์ เจาะกลุ่มทุกเพศทุกวัยมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี รวมทั้งความโดดเด่นด้านโซเชียลมีเดีย ที่ครอบคลุมทุกกลุ่มอย่างชัดเจน เมื่อผนึกกำลังกัน คอนเทนต์ที่ถูกสร้างขึ้นนั้นจะเป็นคอนเทนต์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ดีที่สุด
“พัฒนาไอดอล-ผลิตซีรีส์” ร่วมกันในปีหน้า
โดยแผนในปี 2020 จะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ครึ่งปีแรกเป็นการร่วมมือกันพัฒนาศิลปินภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Girl Universe’ พัฒนาไอดอลสาวไทยให้แข็งแรงทัดเทียมกับไอดอลเกาหลี ดึงศิลปินทั้งจากค่าย โมโน มิวสิค และ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ มารวมตัวทำวงใหม่ เบื้องต้นเริ่มที่ 2 กลุ่ม
ครึ่งปีหลังจะได้เห็นละคร ซีรีส์ ที่ผลิตร่วมกัน โมโนมีแผนเติมละครไทยเข้าไปในช่อง MONO29 ซึ่งปัจจุบันมีละครไทยอยู่แค่ 2% อีก 98% เป็นหนังจากต่างประเทศและข่าว โดยตั้งเป้าให้มีละครไทยเพิ่มในผังเป็น 8% นอกจากนี้ยังมองเรื่องการผลิตละครไทยให้คุณภาพทัดเทียมกับตลาดโลก และให้ดาราไทยมีโอกาสสร้างชื่อเสียงผ่าน Mono29
“ในช่วง 3 ปีแรกซีรีส์ไทยเรตติ้งยังต่ำมาก แต่ล่าสุดค่าเฉลี่ยเรตติ้งดีขึ้น แต่ผู้ชมบางส่วนยังติเรื่องแสงสีการถ่ายทำแบบไทยที่สู้ต่างประเทศไม่ได้ เรามองเห็นว่าควรจะปรับคุณภาพการถ่ายทำ เพื่อให้คนดูแล้วรู้สึกไม่ต่างกับดูหนังต่างประเทศ เราลงทุนเรื่องอุปกรณ์เพื่อพัฒนาการผลิตของเราให้ดียิ่งขึ้น”
เราถ่ายทำหนังและซีรีส์ทุกเรื่องด้วยระบบ HD ถึงแม้จะไม่มีช่องทางให้ออก แต่ก็ต้องถ่ายไว้ก่อน เพื่ออนาคตจะได้ใช้กับ Mono Maxx หรือ 3BB TV ที่จะเปิดให้บริการภายในไตรมาส 2 ปี 2020 และการจับมือกับ จีเอ็มเอ็ม ก็เป็นไปได้ที่จะผลิตคอนเทนต์ฉายในออนไลน์เท่านั้นในอนาคต
การจับมือกันจากทั้ง 2 ฝ่าย น่าจะมีอะไรให้เห็นอีกเยอะ เพราะ จีเอ็มเอ็ม นั้นเก่งเรื่องการทำอะไรใหม่ ๆ อย่างการนำ ‘ศิลปินลูกทุ่ง’ มาฟีเจอริ่งกับ ‘ศิลปิลร็อก’ เป็นการสร้างแฟนคลับข้ามกลุ่มกัน ซึ่งทาง โมโน เองอยากได้แฟนคลับที่ดูซีรีส์ไทย หนังไทย จากจีเอ็มเอ็ม และฐานลูกค้าของ โมโน ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย กับ จีเอ็มเอ็ม ที่ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง มารวมกันน่าจะครอบคลุมประชาชนเกือบทั้งประเทศ แต่จะแตกต่างกันที่ไลฟ์สไตล์เท่านั้น
ส่งคอนเทนต์ลงออนไลน์ ตั้งเป้ายึดทุกหน้าจอ
ปฐมพงศ์ มองว่าในอีก 3-5 ปีนี้ดิจิทัลทีวีจะยังไม่ได้หายไปไหน แต่จะถูกแพลตฟอร์มอื่นแบ่งเวลาไป ซึ่งถ้าทำตัวเป็นแค่ทีวี ผู้ชมจะหนีไปทางอื่น โดยวางแผนกระจายคอนเทนต์ไปยังอีก 2 แพลตฟอร์มอย่าง MonoMax และ 3BB TV ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อให้ผู้ชมที่หายไปจากช่องทางทีวียังได้รับชมคอนเทนต์จากทางโมโนอยู่ หรืออีกนัยคือการ Disrupt ตัวเองก่อนที่จะถูกคนอื่นทำ
การเติบโตของ OTT TV (Over-the-top) ที่ให้บริการฟรีในไทยนั้นเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่ส่วนใหญ่จะเป็นทีวีรีรัน รวมกับคอนเทนต์ที่ผลิตเองบางส่วน และมีโฆษณาแทรกระหว่างรับชม แต่ MonoMax มีจุดยืนที่แตกต่าง เพราะมีคอนเทนต์จากต่างประเทศ ทั้งจากฮอลลีวูด และเอเชีย
MonoMax ใช้การตลาดคล้ายกับ Netflix คือให้คนได้ลองรับชมฟรีก่อน 1 เดือน ถ้าอยากดูต่อก็ต้องยอมจ่ายรายเดือน ซึ่ง MonoMax ทำการตลาดเน้นเจาะไปที่กลุ่มลูกค้าที่ชอบหนังแอ็กชั่น และดูแบบพากย์ไทย
Interactive TV (ITTV) เป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ โมโน จะเข้าไปจัดการด้านคอนเทนต์ให้กับ 3BB ทำหน้าที่เป็นเอเจนซี่ซื้อคอนเทนต์จากต่างประเทศเข้ามาให้ โดยจะมีทั้งช่องต่างประเทศ ช่องไทย ช่องกีฬา บันเทิง ทั้งหมดประมาณ 40 กว่าช่อง
นอกจากนี้ยังมองโมเดลการหารายได้จาก ITTV ด้านอื่น ๆ เช่น ITTV ในเกาหลีใต้สามารถกดซื้อสินค้าได้ขณะที่ดูทีวีอยู่ได้เลย โดยยอดรวมจะถูกเรียกเก็บเป็นรายเดือน และการร่วมสนุกกิจกรรมต่าง ๆ ผ่านหน้าจอ เช่น สามารถใช้รีโมททีวีกดร่วมสนุกอย่างการโหวดในรายการเรียลริตี้
“โมโน เป็นเสมือนผู้นำเสนอเนื้อหา เพราะฉะนั้นที่บอกว่าจะยึดหน้าจอ สามารถยึดโดยใช้คอนเทนต์จากใครก็ได้ ทั้งผลิตเอง หรือจับมือกับพาร์ทเนอร์ เรานำคอนเทนต์มาเติมให้ดีที่สุด เมื่อถูกใจคนดู คนจะนึกถึงโมโน”
