HomeBT NewsTrue ชี้ ถึงเวลาที่ รัฐบาลต้องเป็นแกนนำขับเคลื่อน 5G

True ชี้ ถึงเวลาที่ รัฐบาลต้องเป็นแกนนำขับเคลื่อน 5G

“ดร.กิตติณัฐ” กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) “True” ศึกษากรณีตัวอย่างการใช้งานจริงของ 5G ในการพัฒนาประเทศ ทั้งการบรรเทาสาธารณะภัยแฃะสาธารณะสุข พร้อมมองถึงเวลาที่รัฐบาลต้องดูงานประเทศอื่น ๆ ว่าทำอย่างไรในการใช้ 5G พัฒนาประเทศ

ดร.กิตติณัฐ ทีคะวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ (ร่วม) บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ระบุว่า การมาเยือนเมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน  สาธารณรัฐประชาชนจีน ในครั้งนี้มาตามคำเชิญชวนของ China mobile ซึ่งหากมองดูก็เหมือนกับพี่ใหญ่ของ True ซึ่งการมาในครั้งนี้ก็จะได้มีการเรียนรู้และอัปเดทเทคโนโลยีใหม่ ๆ เปรียบเสมือนเป็นการเรียนรู้ไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งจากเท่าที่เห็นตัวอย่างการใช้งาน 5G ของ China mobile ก็เห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยีล้ำหน้าไปกว่าประเทศไทยมาก ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้จากการมาดูงานในครั้งนี้ คือ การใช้ 5G เข้ามามีบทบาทในการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ การบรรเทาสาธารณภัย การศึกษา การรักษาความปลอดภัยในสังคม และเรื่องของสาธารณสุข

“ส่วนตัวมองว่าการที่เทคโนโลยี 5G จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของทุกๆคน หากยกตัวอย่างให้เห็นได้ชัดก็ คือ เรื่องของสาธารณสุขไม่ว่าจะเป็นการรักษาผู้ป่วยในถิ่นทุรกันดารซึ่งจะทำให้แพทย์เฉพาะทางตามหัวเมืองใหญ่สามารถที่จะเห็นและแนะนำแพทย์สนามในการรักษาได้แบบเสมือนจริง วินาทีต่อวินาที อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดซึ่งแตกต่างจากรัฐบาลไทย คือ รัฐบาลจีนมีการลงทุนในส่วนของโครงข่ายต่าง ๆ ซึ่งส่วนตัวมองว่าภาครัฐก็จำเป็นที่จะต้องมองในส่วนของผู้ที่ประสบความสำเร็จมาเป็นตัวอย่างด้วย ขณะเดียวกันแทนที่ภาคเอกชนจะเอาเงินงบประมาณไปลงทุนในส่วนของค่าโครงข่ายก็นำเงินมาลงทุนในส่วนของการพัฒนาร่วมกับภาคเอกชนอื่นๆในการใช้ 5G ให้เกิดประโยชน์กับสังคมมากยิ่งขึ้น” ดร.กิตติณัฐ ทีคะวรรณ กล่าว

- Advertisement -

ทั้งนี้ ดร.กิตติณัฐ ยังมองว่า เทคโนโลยี 5G เป็นเรื่องที่ภาครัฐต้องเข้ามามีบทบาทในการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาประเทศและจำเป็นต้องตระหนักถึงสิ่งที่จะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้อย่างไร ซึ่งสิ่งที่เห็นได้ชัดคือการนำความเร็วของอินเทอร์เน็ต มาใช้ในการทำงานเฉพาะกลุ่มมากยิ่งขึ้น เช่น ในภาคของการเกษตรที่มีการนำกล้องความละเอียดสูงเข้ามาติดตั้งและใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการวิเคราะห์ข้อมูลของผลิตผลทางการเกษตร ซึ่งทุกภาคส่วนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาตรงจุดนี้ด้วย ซึ่งสิ่งที่ทรูทำอยู่ในปัจจุบัน คือ การศึกษาดูกรณีศึกษาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริงของประเทศที่ประสบความสำเร็จเช่นในประเทศจีนมีเรื่องของแผ่นดินไหวเป็นเรื่องที่รัฐบาลให้ความสนใจสูงจึงมีการพัฒนาการใช้เทคโนโลยี 5G ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการติดตั้งเซ็นเซอร์และส่งข้อมูลแบบทันท่วงที ทั้งนี้ก็ไม่ใช่การนำกรณีศึกษาจากประเทศจีนมาใช้กับประเทศไทยโดยตรงแต่อาจเป็นการต่อยอดจากบทเรียนที่ประเทศอื่นได้ทำมาก่อนหน้านี้เพื่อลดระยะเวลา ในการวิจัยและพัฒนาลง ซึ่งหากเทคโนโลยี 5G ถูกนำมาใช้จริงอาจมีการ นำมาปรับใช้ในการดูแลระดับน้ำของประเทศไทยเพื่อใช้ในการวิเคราะห์การปล่อยน้ำในเขื่อนต่างๆก็เป็นไปได้

“ส่วนตัวไม่ได้มองว่าการร่วมมือกับ China mobile จะเป็นการทำให้ประเทศไทยถูกหลอกนำโดยจีน แต่ให้มองในส่วนของการลงทุนซึ่งหากมีการร่วมมือกันไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นประเทศจีนอย่างเดียวอาจมีการ ร่วมมือกับบริษัทจากยุโรปหรือสหรัฐในการทำแบบเดียวกันเพื่อให้ต้นทุนในการผลิตลดลงและส่งผลต่อประโยชน์ของประชาชนมากยิ่งขึ้น ปัจจุบันก็เริ่มมีการศึกษาและร่วมมือกับสถาบันทางการศึกษามากมายเพื่อทำให้เกิดนวัตกรรมที่สามารถใช้ได้จริงในสังคมไทย รวมถึงตัวเทคโนโลยี 5G เองก็มีในส่วนของภาคเอกชนเข้ามา ให้ความสนใจและติดต่อเพื่อที่จะทำงานร่วมกันแล้ว ทั้ง ภาคสาธารณสุข , ภาคค้าปลีก , ภาคพลังงาน , ภาคการรักษาความปลอดภัย , ภาคงานก่อสร้างและภาคโลจิสติกส์” ดร.กิตติณัฐ กล่าวทิ้งท้าย

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News