มร.โอมาร์ วาฮิต ฮัตต้า กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไอซีเอ เจม ลาบอราเทอรี่ จำกัด (ICA GemLab) ผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณี และผู้นำด้านนวัตกรรมเทคโนโลยีการวิจัย และตรวจวิเคราะห์อัญมณี เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีพันธกิจให้บริการตรวจสอบอัญมณีหรือพลอยสีต่างๆ ที่สามารถวิเคราะห์ได้ทั้งคุณสมบัติและองค์ประกอบทางเคมีของอัญมณี ด้วยห้องปฏิบัติการที่มีเครื่องมือเทคโนโลยีทันสมัยอย่าง LA-ICP-MS และนักอัญมณีศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถตรวจสอบอัญมณีได้อย่างละเอียดแม่นยำ และระบุถึงแหล่งกำเนิดของอัญมณีที่กระจายในภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลกกว่า 40 แห่ง พร้อมทั้งออกเอกสาร ใบรายงาน (Report) ที่ได้รับการยอมรับมาตรฐานสากล

มร.โอมาร์ กล่าวต่อว่า ICA | GemLab (ไอซีเอ เจมแลป) ได้นำระบบดิจิทัลมาใช้กับห้องปฏิบัติการ จึงตอบโจทย์ทางด้านโซลูชั่นที่รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลูกค้าดำเนินธุรกิจการซื้อขายอัญมณีได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ทางห้องแลปยังมีความรับผิดชอบทางด้านจริยธรรมต่อวิชาชีพและมีความโปร่งใสสามารถตรวจสอบข้อมูลได้ทุกขั้นตอน สำหรับสัดส่วนลูกค้าในปัจจุบันของบริษัทฯ แบ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องประดับและผู้ค้าปลีก 10% ธุรกิจอัญมณี 90% โดย 70% เป็นธุรกิจของคนไทยและตลาดต่างประเทศ 30% ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง ยุโรป และศรีลังกา ซึ่งฐานลูกค้าเมื่อเทียบกับปี 2561 ถึง 2562 มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 300% มีปริมาณการตรวจสอบอัญมณีเพิ่มขึ้น 100% สามารถสร้างรายได้เติบโตเฉลี่ย 50%
ส่วนแผนกลยุทธ์ทางการตลาดในปี 2563 ดร.ชนิดา จารุจินดา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ไอซีเอ เจม ลาบอราเทอรี่ จำกัด กล่าวว่า ทางบริษัทฯ เตรียมเปิดตัวแอปพลิเคชั่น API ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นเพื่อตอบสนองผู้บริโภคในยุคดิจิทัล รวมทั้งเป็นวิธีการลดข้อจำกัดในการทำธุรกิจ ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขายในรูปแบบเดิมๆICA | GemLab เป็นห้องปฎิบัติการแรกที่ให้บริการดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ในขณะเดียวกันก็ยังคงมีรูปแบบใบรายงานที่ออกแบบอย่างสวยงาม ประกอบด้วยภาพถ่าย 3 มิติ และมีเรื่องราวการเดินทางของพลอยเม็ดนั้นจากจุดกำเนิดสู่มือลูกค้า และคาดว่าจะมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 50% เพิ่มสัดส่วนการให้บริการตรวจวิเคราะห์อัญมณีก้าวกระโดดถึง 200% เมื่อผนวกการบริการในรูปแบบที่เรามีอยู่ และตั้งเป้ายอดเติบโต 150 ล้านบาท ภายในสิ้นปี 2563

ในส่วนของกลยุทธ์ทางการตลาดทางบริษัทฯ จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลทำให้ธุรกิจการตรวจสอบอัญมณีนั้นไม่น่าเบื่อ อีกทั้งจะผลักดันให้คนรุ่นใหม่เข้าถึงธุรกิจนี้มากขึ้น โดยใช้โซเชียลมีเดียรวมทั้งเน้นการใช้รูปแบบและทำเป็นแฟชั่นมากขึ้น มีการผลิตคอนเทนต์ในรูปแบบของวิดีโอในการให้ความรู้เกี่ยวกับอัญมณีซึ่งจะเปิดตัวในเดือนหน้า ขณะที่งาน Trade Show ในปัจจุบันทางบริษัทฯ มองว่าปัจจุบันเป็นวิธีที่ไม่สามารถที่จะเพิ่มฐานลูกค้าได้แล้ว ซึ่งจะใช้วิธีในการนำเครื่องมือเข้าถึงตัวลูกค้าโดยตรง และสร้างความสัมพันธ์กับแบรนด์อัญมณีชื่อดังเพื่อเป็นประโยชน์กับทางบริษัทมากขึ้น
มร.โอมาร์ กล่าวปิดท้ายว่า “ในอนาคต ICA GemLab เตรียมขยายธุรกิจในประเทศศรีลังกา และ เมืองเซินเจิ้น ประเทศจีน ด้วยทีมบุคลากรที่มีคุณภาพทำให้มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับการขยายงานในภาคส่วนของห้องปฏิบัติการซึ่งจะมีการให้บริการเพิ่มเติมทางด้านองค์ความรู้ ทั้งนี้เพื่อรองรับการทดสอบทางด้านไข่มุก ซึ่งอยู่ในแผนงานให้บริการเร็วๆ นี้ ประกอบด้วยแผนกวิจัยและองค์ความรู้ของบุคลากรผู้เชี่ยวชาญทางด้านอัญมณีศาสตร์ ทำให้โครงสร้างปัจจุบันของบริษัทสามารถออกเอกสาร ใบรับรอง (Report) ประมาณ 700 รายงานต่อเดือน ซึ่งจากการขยายโครงสร้างด้านบุคลากรและเทคโนโลยีของบริษัท จะทำให้สามารถรองรับการให้บริการวิเคราะห์อัญมณีที่เพิ่มขึ้น คาดว่า ในปี 2563 จะได้รับอัญมณีและสามารถออกเอกสาร ใบรายงาน (Report) มากถึง 2,000 รายงานต่อเดือนภายในไตรมาสที่ 3 ของปี 2563”
