มติ “ก้าวไกล” เอกฉันท์ไม่โหวตแคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย รัฐบาลข้ามขั้ว
ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงข่าวภายหลังการประชุม สส.ก้าวไกล ในประเด็นการออกเสียงโหวตแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ว่าที่ประชุม สส.พรรคก้าวไกล ในวันนี้ มีวาระการพิจารณาเรื่องโหวตนายกฯที่จะเกิดขึ้น สรุปว่าที่ประชุม สส.ของพรรค มีมติว่า สส.พรรคก้าวไกล จะไม่โหวตแคนดิเดตนายกฯของรัฐบาลผสมพันธุ์ข้ามขั้วที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ เพราะพรรคก้าวไกลต้องการแสดงท่าทีว่า ไม่ต้องการมีส่วนร่วมการจัดตั้งรัฐบาลที่เกิดขึ้นอยู่ขณะนี้

เราเห็นว่า การจัดตั้งรัฐบาลที่เกิดขึ้นอยู่นี้ เป็นการจัดตั้งรัฐบาลที่ขัดต่อเจตนารมณ์ ขัดต่อเจตจำนงของพี่น้องประชาชนที่ได้แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 การที่จะให้ สส.พรรคก้าวไกล โหวตให้แคนดิเดตนายกฯของรัฐบาลที่กำลังจัดตั้งอยู่นี้ ไม่ใช่การปิดสวิตช์ สว. แต่นี่เป็นการเดินตาม สว. เดินตามความต้องการของ สว.ในการที่จะบิดเบือนผลการเลือกตั้ง เป็นที่ชัดเจนว่า ที่ผ่านมา สว.จำนวนมาก และพรรคขั้วรัฐบาลเดิม ต้องการปิดสวิตช์ก้าวไกล ที่ชนะการเลือกตั้ง
พรรคก้าวไกลเห็นว่า การจัดตั้งรัฐบาลแบบนี้ คือการจัดตั้งรัฐบาลที่เกรงใจผู้มีอำนาจทุกฝ่าย ยกเว้นเกรงใจประชาชน จะไม่สามารถผลักดันวาระที่ก้าวหน้า และทำเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนได้อย่างแท้จริง นี่เป็น 3 เหตุผลสั้น ๆ ที่ สส.ก้าวไกล ได้มีมติในวันนี้
“เอกณัฎ”ไม่ติดใจชื่อแคนดิเดตนายกฯเพื่อไทย ขอไม่แตะ 112 – ไม่มีก้าวไกล
เอกณัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคเพื่อไทยติดต่อให้เข้าร่วมรัฐบาลว่า ยังไม่ได้รับการติดต่อ และทราบจากข่าว ว่าจะมีการเชิญ แต่จนถึงวันนี้ ก็ยังไม่มี และเท่าที่ฟังจากข่าวคาดว่า ก็จะมีการติดต่อมา ส่วนจะเร็วๆนี้หรือไม่ตนไม่ทราบ โดยการตัดสินใจของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะอยู่บนหลักการที่เราได้ประกาศไปแล้ว ต่อสาธารณะ ว่าต้องไม่มีเรื่องของ ม. 112 และไม่มีพรรคก้าวไกล หลังจากนั้นเราก็พร้อมพูดคุย

เมื่อถามย้ำว่า พรรคร่วมรัฐบาลควรจะได้กี่เก้าอี้ เอกนัฏกล่าวว่า ไม่คิดอะไรเลย ไม่ได้อยู่ในใจ ว่าจะต้องได้เท่าไหร่ แต่คิดก่อนว่าหากมีการประสานมา การจะร่วมหรือไม่ต้องอยู่บนพื้นฐาน และรัฐบาลต้องมีความชัดเจน ในเรื่อง ม. 112 ว่าจะไม่ผลักดันต่อ และอาจมีเงื่อนไขเรื่องอื่น เช่น การทำงานร่วมกันในอนาคต นโยบาย ที่ต้องเร่งดำเนินการ ให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน
ทุกคนต้องคิดถึงประเทศเป็นหลัก เรามีสส.เพียง 36 คน คงไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และไม่สนับสนุนรัฐบาลเสียงข้างน้อย
“อุ๊งอิ๊ง” บินพบ “ทักษิณ” ที่ดูไบ เผยพาพบหมอตา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ได้โพสต์สตอรี่อินสตาแกรมว่าได้เดินทางไปพบ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้เป็นบิดา โดยลงภาพคู่กันมีข้อความระบุว่า “พาคุณพ่อมาหาหมอตาค่ะ” ซึ่งมีการระบุสถานที่คือ นครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ในเวลาต่อมา นางสาวแพทองธาร ได้แชร์คลิปความยาว 1 นาทีจากแอปพลิเคชัน TikTok แอ็กเคานต์ @thaksinneverdie ที่ระบุว่าเป็นช่องของคนรักตระกูลชินวัตร ผ่านสตอรี่อินสตาแกรมอีกครั้ง ทั้งนี้แอ็กเคานต์ดังกล่าวโพสต์คลิปไว้ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2566 ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดของทักษิณ โดยมีเพลง Que Sera, Sera (Whatever Will Be, Will Be) เวอร์ชันเสียงประสานของเด็กประกอบคลิป ซึ่งเนื้อหาของเพลงเป็นเรื่องราวของเด็กที่ถามถึงอนาคตในตอนโตที่มองไม่เห็น ซึ่งไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ต้องเกิด
ทั้งนี้ ในคลิปวิดีโอเป็นเรื่องราวของ ทักษิณ และคนในครอบครัวตั้งแต่วัยเด็กจนกระทั่งจบคลิปเป็นภาพที่ทักษิณ กลับเมืองไทยและก้มกราบแผ่นดินเมื่อปี 2551 ทั้งนี้ในสตอรี่ดังกล่าว ยังได้มีการติดแท็กอินสตาแกรมถึง พานทองแท้ ชินวัตร, พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ รวมถึงสามีของทั้งคู่และภรรยาของนายพานทองแท้ด้วย
“ประวิตร” เร่งแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เล็งเพิ่มที่ดินทำกินให้ประชาชน
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยถึงปัญหาหนี้นอกระบบ ที่เป็นเหมือนทุกข์กองโตของประชาชน ทำให้หลายครอบครัวต้องใช้ชีวิตทนทุกข์จมกับกองหนี้มานาน สุดท้ายไม่เหลือแม้แต่บ้านเรือน ทรัพย์สิน และที่ดินทำกิน การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบจึงเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญการบริหารประเทศของรัฐบาล ที่ต้องการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อย และขาดโอกาสที่ถูกเอารัดเอาเปรียบจากกลุ่มอิทธิพลมานาน โดยเฉพาะเจ้าหนี้นอกระบบ

ตนได้ประสานงานกับฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครอง และตำรวจ ลงไปช่วยดูแลแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนจากปัญหาหนี้นอกระบบที่มีมากขึ้น จากกลุ่มนายทุนฉวยโอกาสปล่อยกู้เก็บดอกโหด และส่งแก๊งทวงหนี้เหิมเกริม ข่มขู่ และใช้ความรุนแรงกับลูกหนี้หาเช้ากินค่ำ เพื่อไม่ให้ซ้ำเติมบั่นทอนชีวิตครอบครัวผู้มีรายได้น้อย รวมถึงทุกภาคส่วนราชการที่พยายามขับเคลื่อนแก้ปัญหาทั้งการเจรจาไกล่เกลี่ย และการบังคับใช้กฎหมายโดยเฉพาะศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการฉ้อโกงทรัพย์สินของประชาชนของตำรวจซึ่งบังคับใช้กฎหมายสามารถไกล่เกลี่ย และส่งคืนทรัพย์สินให้กับประชาชนได้จำนวนมาก
การดำเนินการเพื่อปราบปรามเจ้าหนี้นอกระบบเพียงอย่างเดียวคงไม่ใช่แนวทางแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน ตนจึงได้ประสานไปยัง กระทรวงการคลัง และกระทรวงแรงงาน เพื่อเข้าไปร่วมเสริมการจัดหาแหล่งทุน และพัฒนาทักษะอาชีพให้กับประชาชนที่มีรายได้น้อย ให้สามารถเข้าถึงโอกาสได้เป็นการช่วยสร้างความเข้มแข็งของผู้มีรายได้น้อย และลดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมด้วย
“สาธิต” ชี้ ประชาธิปัตย์ควรเป็นฝ่ายค้านที่ดี เรียกศรัทธาประชาชน
สาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข ในฐานะรักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ในขณะนี้ว่าในมุมมองของตนหวังว่าคณะกรรมการบริหารพรรคที่มีอำนาจตัดสินใจ ในส่วนของตนชัดเจนว่าจะขอไปฟื้นฟูพรรค ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพ เป็นพรรคการเมืองที่มีจุดยืนชัดเจน เสนอเป็นทางเลือกให้กับประชาชนได้อีกพรรคหนึ่ง

เมื่อถามว่า ยืนยันใช่หรือไม่ว่า การจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล จะต้องเป็นมติพรรคใช่หรือไม่ สาธิตกล่าวว่า แน่นอนที่สุด เพราะเป็นข้อบังคับพรรคและเป็นกฎหมายพรรคการเมือง ส่วนการเจรจากันวงในนั้น อันนั้นเอามาถ้าไม่ได้ เพราะเป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายมาจบที่การหารือตามข้อบังคับพรรค
เมื่อถามว่า ในขณะที่ภายในพรรคยังมีปัญหากันเองจะส่งผลต่อการหาเสียงเลือกตั้งซ่อม สส.ระยอง หรือไม่ สาธิต กล่าวว่า ไม่น่ามีปัญหา เพราะเราผ่านประสบการณ์มาหลายครั้งแล้ว ความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันในส่วนกลางก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่เวลาลงหาเสียงในพื้นที่เป็นประโยชน์ร่วมกันของทุกคนในพรรค จึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่จะเกิดขึ้นได้