HomeBT NewsBusiness Today Thai Politics 14 พฤศจิกายน 2566 / ภาคบ่าย

Business Today Thai Politics 14 พฤศจิกายน 2566 / ภาคบ่าย


“เศรษฐา” สั่งเร่งปราบหมูเถื่อน เร่งจัดการตัวการใหญ่ให้ได้

เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 13 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่นในนครซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ซี่งช้ากว่าประเทศไทย 15 ชม.เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการแก้ปัญหาหมูเถื่อนที่มีความล่าช้า จะมีการคาดโทษหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง “ดีเอสไอ-ปปง.”หรือไม่ ว่า อย่าไปเรียกว่าการคาดโทษดีกว่า เพราะต้องเข้าใจว่าเจ้าหน้าที่มีงานเยอะ แต่ต้องอย่าลืมว่ามีการจับกุมหมูเถื่อนมานาน แล้วขบวนการทำลายหมูเถื่อนมีมานานแล้ว โดยพบว่าผู้กระทำผิดมีประมาณ 10-11 ราย เริ่มมีการตรวจสอบไปแล้ว เพราะขนาดของความผิดมันใหญ่ จึงต้องส่งไปดีเอสไอ

- Advertisement -


โดย อธิบดีดีเอสไอ ได้สั่งการไปเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว แต่มีความล่าช้า ที่ผ่านมามีผู้ประกอบการขนาดกลาง และขนาดย่อยได้รับผลกระทบจากช่วงที่มีหมูเถื่อนเข้ามาจำนวนมาก จนเกือบล้มเลิกกิจการ ซึ่งตนมีหน้าที่ไปติดตาม เพราะหากสาวไปไม่ถึงรายใหญ่ เหตุการณ์จะเกิดขึ้นอีก และเมื่อสังคมลืมก็จะเกิดขึ้นอีก ดังนั้นเรื่องนี้ต้องกำจัดให้สิ้นซากเพราะเป็นภัยของสังคมจริงๆ

ส่วนนายกฯ กังวลหรือไม่ เมื่อมีภาพการหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในลักษณะเกรี้ยวกราด นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า ตนยอมรับว่า สั่งการเรื่องหมูเถื่อนให้รวดเร็วจริง ซึ่งตนได้เห็นภาพข่าวในการประชุมที่สนามบินสุวรรณภูมิ แต่ตนมีหน้าที่หากกระเทศชาติมีปัญหาและไม่ถูกบริหารจัดการ ขอให้ดูที่ผลงานเป็นหลัก ตนอยากจะจัดการกับผู้กระทำผิด ซึ่งเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้รวดเร็วที่สุด

คนที่เดือดร้อนไม่ได้มีพื้นที่หน้าสื่อฯ ที่จะมาพูดเรื่องดังกล่าวได้ และขอให้ลงไปดูว่าผู้ประกอบการหมูรายย่อยได้รับความเสียหายในเรื่องนี้แค่ไหน เรื่องนี้เรายอมไม่ได้ คนทำผิดจะต้องถูกจับมาลงโทษ และกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นั่นคือความตั้งใจ


“สุดาวรรณ” ยันไม่มีนโยบายให้ตำรวจจีนลาดตระเวนในไทย

สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงกรณีกระแสข่าวให้ตำรวจจีนร่วมลาดตระเวนแหล่งท่องเที่ยวคู่กับตำรวจไทย ว่า รับบาลไม่มีแนวทางที่จะให้ตำรวจจีนมาลาดตระเวนร่วมกับตำรวจไทย แต่กระทรวงการท่องเที่ยวละกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) มีแนวทางที่จะสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทสไทย สำหรับการทำงานร่วมกันนั้นมีหลายวิธีที่จะสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว


จริงๆ แล้ว ศักยภาพตำรวจไทยดีมากอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และตำรวจท่องเที่ยว มีการทำงานอย่างหนัก รวมถึงมีการทำงานร่วมกันอยู่แล้ว ก็เชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวได้ เพราะผบช.ตำรวจท่องเที่ยว ได้มีการจัดตำรวจท่องเที่ยวไปประจำในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวเยอะ เช่น วัดพระแก้ว รวมถึงทำงานร่วมกับกรมการท่าเพื่อดูแลบริเวณท่าเรือที่มีนักท่องเที่ยวใช้บริหาร”


“นายกฯ” สั่ง “อนุทิน” กวดขันเรื่องอาวุธปืน

คารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เปิดเผยว่า ในการประชุม ครม.วันนี้ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ ได้เปิดเผยว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ฝากข้อความมาว่า นายกฯ เป็นห่วงเรื่องการใช้อาวุธปืน หลังเกิดเหตุการณ์นักศึกษาอาชีวะก่อนเหตุ และพลาดไปยิงคุณครูย่านคลองเตย จนเสียชีวิต


โดยนายกฯ เป็นห่วงเรื่องการใช้อาวุธปืน และเรื่องการท่องเที่ยวที่อาจจะได้รับผบกระทบจากอาวุธ จึงกำชับ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้เร่งรัดห้ามหรือกวดขันประเด็นอาวุธปืน

ขณะที่ รองนายกฯ แจ้งว่าได้มีการห้ามออกใบอนุญาติ 1 ปี และห้ามบุคคลธรรมดาพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ ซึ่งขณะนี้กำลังให้อธิบดีกรมการปกครอง ดำเนินการศึกษา


เคาะ ครม.สัญจรครั้งแรก “รัฐบาลเศรษฐา” หนองบัวลำภู

เกณิกา อุ่นจิตร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ครั้งที่ 1/256 จังหวัดหนองบัวลำภูและติดตามการตรวจราชการภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ระหว่างวันที่ 3-4 ธันวาคม


ติดตามงาน 4 เรื่องคือ การแก้ไขปัญหาความยากจน การป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด แก้ไขปัญหาภาคการเกษตรและการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน รวมทั้งมอบให้คณะรัฐมนตรีลงพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน 1 ติดตามการทำงานตามนโยบายของรัฐบาล

รวมทั้งปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ในพื้นที่ โดยให้ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานประชุมบูรณาการ


“พรหมินทร์” อัดคนขวาง “ดิจิทัล วอลเล็ต” เป็นพวกคนขี้แพ้

ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้หยิบยกการชี้แจงของ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีต่อกระแสสังคมที่มีข้อห่วงกังวลในโครงการ Digital Wallet ดังต่อไปนี้


เรื่องการใช้เงินในโครงการ Digital Wallet อาจจะขัดต่อข้อกฎหมายนั้น โดย นพ.พรหมินทร์ ชี้แจงว่า ได้มีการพิจารณาข้อจำกัดของกฎหมายและความเห็นต่าง ๆ ของนักวิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณาว่าในสถานการณ์ปัจจุบัน จำเป็นต้องมีการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะเมื่อเทียบกับประเทศข้างเคียง ประเทศไทยยังมีปัญหา ล้าหลัง ภาวะหนี้สิ้นของประชาชนเพิ่มขึ้นในระยะ 10 ปี ที่ผ่านมา จากร้อยละ 70 เป็นร้อยละ 90 ของ GDP จึงจำเป็นต้องมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยหลังจากออกเป็นนโยบาย ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้พูดคุยหารือและรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงานต่าง ๆ อย่างรอบด้าน ทั้งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าเป็นวิธีการที่ดีที่สุด เนื่องจากสามารถขอฉันทามติผ่านกระบวนการในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นวิธีการที่สามารถทำได้และเคยทำมาก่อนในหลายรัฐบาล

ส่วน รายละเอียดหลักเกณฑ์การดำเนินโครงการไม่ตรงปกเหมือนตอนหาเสียงไว้ นพ.พรหมินทร์ ชี้แจงว่า รัฐบาลมีการปรับแก้ไขตามเสียงคัดค้านให้เหมาะสม ซึ่งโจทย์ของ Digital Wallet คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจ ดังนั้นในบรรดาของกลุ่มประชาชนที่แบ่งตามรายได้ต่าง ๆ รายได้กลุ่มที่น้อยที่สุด 20% ที่น้อยที่สุด หรือกลุ่มคนที่มีรายได้ต่ำที่สุด เวลาที่รัฐบาลให้เงินไป กลุ่มดังกล่าวเกิดการใช้หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจถึง 5 เท่า ขณะที่กลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ 3 อยู่ที่ประมาณ 3.5 – 4.5 เท่า ส่วนกลุ่มสุดท้ายที่มีเงินเดือนมากกว่า 7 หมื่นบาท เมื่อรัฐบาลให้เงินไปแล้ว จะเกิดการใช้ประมาณ 1.2 เท่า

ทั้งนี้ จากข้อพิจารณา และข้อเสนอต่าง ๆ ทำให้ได้ตัดคนส่วนนี้ออกไป เพราะว่าเป็นส่วนที่กระตุ้นเศรษฐกิจได้น้อย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ละทิ้ง โดยมีการหาวิธีที่คล้าย ๆ กัน จึงมีการใช้ e-Refund ซึ่งกลุ่มนี้สามารถนำเงินของตนเองไปใช้จ่ายแล้วนำเงินมาคืนของหลวง จึงขอยืนยันว่า รัฐบาลไม่ได้ละทิ้งกลุ่มใด แต่ได้ปรับเปลี่ยนวิธีการและมาตรการให้เหมาะสมเพื่อตอบโจทย์แนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ส่วนกรณีที่มีข้อสังเกตถึงการกู้เงินของรัฐบาลนั้น เป็นการหาทางลง เนื่องจากเสี่ยงต่อกฎหมายต่าง ๆนั้น นพ.พรหมินทร์ ได้ชี้แจงว่า ข้อสังเกตดังกล่าวเป็นวิธีคิดของคนที่เป็น Loser (คนขี้แพ้) ของคนที่ปรารถนาความพ่ายแพ้ แต่คนที่อยากจะเอาชนะใช้ Winner attitude (ทัศนคติผู้ชนะ)ซึ่งจะคล้ายกับการหา solution ร่วม หรือ “ทุกปัญหามีทางออก” ซึ่งรัฐบาลพยายามหาทางออกที่ดีที่สุดและต้องการทำให้โครงการนี้สำเร็จ เพราะเชื่อมั่นว่า ประชาชนกำลังรอโครงการนี้อยู่กว่า 60% – 70% รวมทั้งจะส่งผลให้เกิด micro investment โดยเงินจำนวนนี้จะนำไปใช้ในการลงทุน สอดคล้องกับข้อมูลการสำรวจวิจัยของมหาวิทยาลัยศรีปทุม ซึ่งพบว่ากว่าร้อยละ 40.23 ระบุว่า จะนำเงินไปรวมกับครอบครัวเพื่อไปใช้จ่ายในการลงทุนเพิ่มขึ้น เช่น เกษตรกรอาจนำเงินไปรวมในครอบครัวเพื่อใช้ทำมาหากินในภายภาคหน้า หรือหากมีจำนวน 2 – 3 คนในครอบครัว อาจเปิดร้านขายของในเมืองได้ จึงขอเน้นย้ำว่า รัฐบาลจะนำเงินเพื่อไปกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยไม่ใช่การใช้จ่ายอย่างเดียว แต่รวมไปถึงการลงทุนในระยะยาวเพื่อให้เกิดการหมุนเวียนทางเศรษฐกิจมากขึ้นด้วย

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News