ศาสตราจารย์ฟิลิป คอตเลอร์ บิดาแห่งการตลาดยุคใหม่ที่ทรงอิทธิพลระดับโลก ได้กล่าว ในงาน World Marketing Summit Asia 2019 ที่จัดขึ้นครั้งแรกในประเทศไทย ภายใต้หัวข้อ “FORGET EX-GROWTH FOCUS NEXT-GROWTH” เรื่องการตลาดยุคใหม่
การพัฒนาประเทศตามระบบทุนนิยมทำให้ระบบเศรษฐกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว สร้างความมั่งคั่งอย่างมหาศาลให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจขนาดต่าง ๆ ประชากรหลายล้านคนร่ำรวยขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน ผลของการพัฒนาก่อให้เกิดปัญหามากมายต่อมนุษย์ นำไปสู่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติอย่างเห็นได้ชัดเจน เพราะทุนนิยมคิดถึงแต่ผลกำไรสูงสุด (Profit Centric) เพียงอย่างเดียว
โจทย์ของธุรกิจในวันนี้ คือต้องปรับเปลี่ยนจากการมุ่งแสวงหากำไร ไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำของรายได้ของประชากร ด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs) มีทั้งหมด 17 เป้าหมาย โดย ก่อให้เกิด ไตรกำไรสุทธิ (Triple Bottom Line) คือ ไม่ได้สนใจเฉพาะผลกำไร (Profit) แต่สนใจเรื่องมนุษย์ (People) และโลก (Planet) หรืออีกนัยหนึ่งคือให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม สังคม และแสดงความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมากขึ้น
คนยุค millennial ให้ความสำคัญกับแบรนด์ ที่สร้างผลิตภัณฑ์ที่ดี และดูลึกไปถึงจิตวิญญาณของบริษัทที่เป็นเจ้าของแบรนด์นั้นๆ (soul of a company) ว่ามีความห่วงใยและจริงจังกับเรื่องสังคมและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการพัฒนาที่ยั่งยืนแค่ไหน ดังนั้นการที่บริษัทหรือองค์กรทำเพียงการบริจาคเงิน หรือ กิจกรรม CSR แต่การดำเนินธุรกิจยังไม่ได้ปรับเปลี่ยนและยังคงส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ก็จะไม่มีความหมายหรือสร้างความรู้สึกที่ประทับใจต่อลูกค้ากลุ่มนี้
ส่วนผู้บริโภคทุกวันนี้ จะใช้วิธีการแบ่งส่วนทางการตลาด (Market Segmentation) ไม่ได้แล้วแต่ต้องทำการตลาดแบบเข้าถึงแต่ละตัวบุคคลมากขึ้น (personalization) เพราะพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ดังนั้นธุรกิจตลาดแบบเชิงลึก (insight) และการคาดการณ์ไปข้างหน้า (foresight) จึงสำคัญ
คอสเลอร์ ย้ำว่า นี่คือความท้าทายของ SOCIALPRENEURSHIP ความเป็นผู้ประกอบการที่ใส่ใจสังคม ที่ เน้น 3Ps นั่นก็คือ People, Planet และ Profit ซึ่งจะก่อให้เกิด A BETTERMENT MARKETING การตลาดยุตใหม่ ที่ทำให้โลกดีกว่าเดิม