HomeBT Newsย่อข่าวธุรกิจในประเทศ ภาคเย็น 14 กุมภาพันธ์ 2566

ย่อข่าวธุรกิจในประเทศ ภาคเย็น 14 กุมภาพันธ์ 2566

ครม.ไฟเขียวเอฟทีเอไทย-อียู เพิ่มแต้มต่อทางการค้า 45 ประเทศ

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบการเข้าร่วมเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป (อียู) ซึ่งมีสมาชิก 27 ประเทศ โดยจะรีบแจ้งให้รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ของอียูรับทราบ เพื่อดำเนินการขอความเห็นชอบจากประเทศสมาชิกอียูทั้ง 27 ประเทศ เมื่อเสร็จสิ้นจะประกาศนับหนึ่งอย่างเป็นทางการร่วมกันระหว่างไทยกับอียูเดินหน้าเจรจา FTA ระหว่างกัน

- Advertisement -

ปัจจุบันไทยมีเอฟทีเอ 14 ฉบับ 18 ประเทศ ถ้าเพิ่ม FTA ไทยกับอียูอีกหนึ่งฉบับ จะเป็น 15 ฉบับและเพิ่มจำนวนประเทศเป็น 45 ประเทศ ถ้าอนาคตสามารถทำเพิ่มได้อีก 1-2 ฉบับ จะสามารถแซงหน้าเวียดนามได้ สร้างแต้มต่อทางการค้ากับประเทศต่างๆ และการเร่งรัดส่งเสริมการลงทุนและเพิ่มการส่งออกต่อไปในอนาคต เอฟทีเอฉบับนี้สำคัญอย่างยิ่ง รอมานานเป็น 10 ปี วันนี้ถือว่าประสบความสำเร็จเกือบก้าวสุดท้าย เพราะคณะรัฐมนตรีเห็นชอบ ปัจจุบันสหภาพยุโรปมีเอฟทีเอกับอาเซียนเพียง 2 ประเทศคือเวียดนามและสิงคโปร์ ถ้าสำเร็จเราจะเป็นประเทศที่ 3 ของอาเซียน

เคาะ! เก็บค่าเหยียบแผ่นดินนักท่องเที่ยวต่างชาติ 150-300 บาทต่อคน

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบร่างประกาศคณะกรรมการนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ เรื่องการจัดเก็บค่าธรรมเนียมการท่องเที่ยวภายในประเทศของนักท่องเที่ยวต่างชาติ สาระสำคัญคือ กำหนดเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไขในการจัดเก็บค่าธรรมเนียม โดยมีการกำหนดค่าธรรมเนียม ดังนี้

* นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางผ่านช่องทางอากาศ อยู่ที่ 300 บาท/คน/ครั้ง

* นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางผ่านช่องทางบกและน้ำ อยู่ที่ 150 บาท/คน/ครั้ง

* ผู้ที่ได้ยกเว้นการจัดเก็บค่าธรรมเนียม ได้แก่ ผู้ถือหนังสือเดินทางเพื่อการทูต กงสุล หนังสือเดินทางราชการ ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบอาชีพในประเทศไทย ผู้ที่โดยสารผ่าน (transit passenger) และทารก เด็กอายุไม่เกิน 2 ปี หรือบุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการกำหนด

ทั้งนี้ การเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว จะนำมาใช้จ่ายในการบริหารพัฒนาการท่องเที่ยว รวมทั้งใช้ในการจัดประกันภัยแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติในระหว่างที่เที่ยวในประเทศไทย ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกของโลกที่มีการเก็บค่าธรรมเนียมแล้วมีสวัสดิการคืนให้แก่นักท่องเที่ยว ผ่านประกันอุบัติเหตุ การเสียชีวิต และการส่งศพกลับประเทศ การดำเนินการดังกล่าว เป็นการช่วยลดภาระงบประมาณในการดูแลเยียวยานักท่องเที่ยวต่างชาติ ในเรื่องสาธารณสุข จากการเก็บค่ารักษาพยาบาลไม่เต็มจำนวน ซึ่งเดิมใช้งบประมาณในการดูแลนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ประมาณ 300-400 ล้านบาท/ปี โดยประกาศฉบับนี้จะมีผลบังคับใช้เมื่อพ้น 90 วัน นับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา

ม.ค.เดือนเดียวกองถ่ายหนังต่างชาติขนเงินเข้าไทยเกือบ 300 ล้านบาท

ประเทศไทยเป็นสถานที่ยอดนิยมที่ต่างประเทศมักเข้ามาถ่ายทำภาพยนตร์ ทำให้สถานที่สวยงามของไทยเป็นที่รู้จัก เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ รวมทั้งยังมีส่วนในการกระจายรายได้ให้แก่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว และกระตุ้นการท่องเที่ยวภายในประเทศไปในโอกาสเดียวกันด้วย จากรายงานของกองกิจการภาพยนตร์และวีดิทัศน์ต่างประเทศ กรมการท่องเที่ยว กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพบว่า ในปี 2565 มีการถ่ายทำภาพยนต์ต่างประเทศในประเทศไทยถึง 348 เรื่อง โดยเดือนกันยายน และพฤศจิกายน 2565 มีการถ่ายทำสูงสุดที่ 42 เรื่อง ในขณะที่ล่าสุด เดือนมกราคม 2566 มีการถ่ายทำไปแล้วถึง 34 เรื่อง สร้างรายได้ให้ประเทศกว่า 298.11 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 31 มกราคม 2566)

และเพื่อเป็นการส่งเสริมการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในไทย ภาครัฐยังได้ให้การสนับสนุนเป็นสิทธิประโยชน์ในรูปแบบการคืนเงิน (Cash Rebate) ตามมติ ครม. (7 ก.พ. 2566) ร้อยละ 20-30 เป็นระยะเวลา 2 ปี สิทธิประโยชน์หลักอยู่ที่ร้อยละ 20 เมื่อมีการลงทุนในประเทศไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ส่วนสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมรวมแล้วไม่เกินร้อยละ 10  นอกจากนี้ยังมีการปรับเพิ่มการคืนเงินจากเดิม 75 ล้านบาท/เรื่อง เป็น 150 ล้านบาท/เรื่อง จะทำให้เพดานเงินลงทุนสร้างภาพยนต์ต่อเรื่องเพิ่มเป็น 750 ล้านบาท จากเดิม 375 ล้านบาท เพื่อเป็นการรับกับแนวโน้มที่คณะถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศที่เข้ามาในไทยเป็นผู้สร้างรายใหญ่ เงินทุนสูง โดยเฉพาะภาพยนตร์ชุดทางโทรทัศน์ 

“คลัง” เผยสถิติคดีหลอกล้วงเงินจากบัญชีทะลักวันละ 800 ราย

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยข้อมูล กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) พบสถิติจำนวนบัญชีที่ถูกมิจฉาชีพหลอกลวงอยู่ในคดี เฉลี่ยถึงวันละ 800 ราย กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และดีอีเอส ก็ได้หารือร่วมกันถึงแนวทางป้องกันมิจฉาชีพดูดเงินในบัญชีธนาคาร โดยธปท.จะมีความเข้มงวดมากขึ้น

ในระบบสถาบันการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงิน การเปิดบัญชี และการตรวจสอบข้อมูลระหว่างการโอนเงินจากบัญชีหนึ่งไปอีกบัญชีหนึ่ง ส่วนสถาบันการเงินของรัฐ ได้สั่งการให้เข้มงวด และมีการประชาสัมพันธ์ให้มาก ขณะเดียวกันผู้เป็นเจ้าของบัญชีจะต้องมีความระวังให้มากที่สุด โดยอย่าหลงเชื่อข้อความใดๆ แม้กระทั่งโทรศัพท์ที่มีเบอร์แปลกโทรเข้ามา และพยายามขู่เข็นให้ท่านต้องเร่งทำธุรกรรม เป็นต้น ส่วนผู้ที่โดนมิจฉาชีพหลอกลวง ขั้นตอนแรกจะต้องไปดำเนินการแจ้งความก่อน เพื่อดำเนินการให้มีหลักฐาน และประสานกับทางธนาคารเจ้าของบัญชี

สรรพากรจับมือกรุงไทยเพิ่มช่องทางยืนยันตัวตนผ่านแอป “เป๋าตัง” ทำธุรกรรมภาษีสะดวกปลอดภัย

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า กรมสรรพากรได้ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทยผ่านโครงการยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เสียภาษี โดยเป็นการนำบริการพิสูจน์ และยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านแอปพลิเคชัน  “เป๋าตัง” มาใช้ยืนยันตัวตนก่อนเข้าถึงบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่กรมสรรพากรได้จัดเตรียมไว้ให้กับผู้เสียภาษี

สำหรับระบบตรวจสอบข้อมูลทางภาษี (My Tax Account) ของกรมฯนั้น ประชาชนจะต้องยืนยันตัวตนก่อนใช้บริการเพื่อความปลอดภัย โดยปัจจุบันกรมฯให้บริการผ่าน 2 ช่องทางคือ ผ่านบัตรประชาชน และบริการยืนยันตัวตนรูปแบบดิจิทัล (National Digital ID – NDID) อย่างไรก็ดี เพื่อเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนมากขึ้น กรมฯ จึงได้เชื่อมระบบการยืนยันตัวตนผ่านแอปเป๋าตัง ซึ่งปัจจุบันประชาชนมีการใช้งานแอปดังกล่าวอย่างแพร่หลาย ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกให้กับประชาชนมากขึ้น

ทั้งนี้ หากยืนยันตัวตนแล้ว ท่านสามารถใช้บริการต่างๆ ของกรมได้อย่างปลอดภัย ได้แก่ ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผ่านอินเทอร์เน็ต (e-Filing) ระบบตรวจสอบข้อมูลทางภาษี (My Tax Account) ระบบภาษีหัก ณ ที่จ่าย (e-Withholding Tax) ระบบตรวจสอบเงินบริจาค (e-Donation) ระบบยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษี  ผ่านแอปพลิเคชัน (RD Smart TAX) และระบบรับชำระอากรแสตมป์เป็นตัวเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Stamp Duty) รวมทั้งบริการ ทางอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ของกรมสรรพากรที่จะพัฒนาเพิ่มอีกในอนาคต

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News