นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ และประธานสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (เฟทโก้) เปิดเผยว่า การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทของรัฐบาล มองว่ารัฐบาลมีการออกเป็นพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)กู้เงิน 500,000 ล้านบาทนั้น ถือเป็นการแนวทางที่ถูกต้อง เพื่อให้เกิดความโปร่งใส และ มีผู้ตรวจสอบ เนื่องจากเป็นการกู้ และใช้เงินเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเรื่องนี้ต้องโปร่งใส ตรงไปตรงมา และ ตรวจสอบได้ ทั้งในส่วนของการเงินทุน และ การใช้เงินจึงเป็นเรื่องสำคัญ โดยโครงการดังกล่าวคาดว่า จะก่อหนี้ให้กับประเทศเพิ่ม 2-3% แต่คงไม่ถึงกับไปกระทบให้ถูกปรับลดเครดิตเรตติ้งของประเทศไทยแต่อย่างใด
“การออกพ.ร.บ.เงินกู้ ถือว่ามาถูกทางแล้ว จากเดิมที่ไม่มีความชัดเจนว่า จะนำเงินมาจากไหน กู้จากธนาคาร หรือ อื่นๆ ซึ่งเมื่อมีพ.ร.บ. ก็จะเป็นการปกป้องตัวเองของรัฐบาลด้วย คำถามก็ คือ ทำเสร็จจะเกิดอะไรขึ้น มองว่ากว่าจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างก็คงจะต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง โดยในส่วนของประมาณการจีดีพีได้รวมกระเป๋าเงินดิจิทัลนี้ไปแล้ว และมาบวกลบกับเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยง เศรษฐกิจยุโรป จีนยังไม่ดี และ ปัญหาสงครามอิสราเอลแล้วตัวเลขจีดีพีก็จะประมาณนี้ 3-4%”
นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนตลาดหุ้นหากหุ้นตกลงมาอีกมองเป็นจังหวะเข้าสะสมในหุ้นพื้นฐานดี เช่น หุ้นธนาคารพาณิชย์ ที่มีความแข็งแรง และ มีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ ส่วนหุ้นท่องเที่ยวรับการฟื้นตัวในช่วงไฮซีซั่น ประกอบกับ หุ้นต่างประเทศก็น่าสนใจ โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี
ด้านกระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย หรือ ฟันด์โฟลว์ มองว่า ในปัจจุบันสหรัฐยังคงดำเนินคิวอี เพื่อดูดสภาพคล่องกลับ ซึ่งหวังว่า เมื่อปัญหาจบ ฟันด์โฟลว์จะไหลกลับมาได้ในที่สุด รวมถึงหากเศรษฐกิจไทยเติบโตจากการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และ มีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งจะสามารถดึงดูดฟันด์โฟลว์กลับมาได้