Ettienne Reinecke ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท NTT Ltd. คาดการณ์ว่า การใช้เทคโนโลยีด้าน Disruptive ที่จะเกิดเป็นกระแสหลักในปี 2020 โดยจะเป็นการผสมผสานระหว่างข้อมูล ระบบอัตโนมัติ และ IoT (Internet of Things) เข้าด้วยกันเพื่อสร้างการเชื่อมต่อของเมืองและสังคมให้เชื่อมโยงถึงกัน
– NTT LTD ควบรวมบริษัท พลิกกลยุทธ์ ฝ่า Disruption ตั้งเป้าเป็น ICT Services เบอร์ 1 ในไทย
แนวโน้มเทคโนโลยีที่สำคัญทั้ง 6 ด้าน ประกอบด้วย
-เทคโนโลยีด้าน Disruptive (Disruptive Technologies)
-การรักษาความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์ (Cybersecurity)
-รูปแบบสถานที่ทำงาน (Workplace)
-โครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure)
-ธุรกิจ (Business)
-การบริการด้านเทคโนโลยี (Technology Services)
เอ็นทีที ยังคาดการณ์ว่า ในปี 2020 หลายสิ่งหลายอย่างที่เคยกล่าวถึงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จะมีการเชื่อมต่อกันเพื่อนำไปสู่การสร้างเมืองอัจฉริยะที่มีความชาญฉลาด รวมทั้งสร้างสภาพแวดล้อมการทำงาน และธุรกิจยุคใหม่ที่เชื่องโยงถึงกันบนพื้นฐานของความปลอดภัย
ทั้งนี้ ระบบข้อมูล เทคโนโลยีด้าน AI (Artificial Intelligence) และระบบรักษาความปลอดภัยที่ได้รับการออกแบบมาโดยตรง จะเป็นหัวใจที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้เชื่อมโยงและสื่อสารข้อมูลถึงกันได้ด้วยตัวเอง โดยปราศจากการควบคุมของมนุษย์ เมืองอัจฉริยะและการใช้ IoT จะกลายเป็นบรรทัดฐานในการปรับปรุงประสิทธิภาพ สร้างการเติบโต และพัฒนานวัตกรรมในทุกภูมิภาค
การใช้ข้อมูลเชิงลึกที่รวบรวมจากฐานลูกค้าทั่วโลก ทำให้เอ็นทีทีสามารถคาดการณ์อนาคตเพื่อสร้างสรรค์โซลูชั่นด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะที่มีประสิทธิภาพสูงสุดให้กับลูกค้า ทั้งนี้ รายงานการคาดการณ์แนวโน้มเทคโนโลยีปี 2020 ใน Future Disrupted : 2020 จะช่วยให้องค์กรธุรกิจและอุตสาหกรรมเห็นทิศทางและแนวทางที่จำเป็นเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นตลอดปี 2020
ที่ผ่านมา หลายอุตสาหกรรมมักพูดถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ทั้งระบบคลาวด์ ข้อมูล เทคโนโลยีเอไอ และระบบความปลอดภัยในมุมที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แต่ปีหน้าสิ่งเหล่านี้จะเปลี่ยนไป โดยเราจะเห็นการใช้งานระบบคอมพิวเตอร์มีการประมวลผลอย่างสมบูรณ์แบบ เพื่อนำไปสู่การสร้างสภาพแวดล้อมใหม่ ที่มีความเป็นอัจฉริยะมากขึ้น มีการเชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบครั้งใหญ่ต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในสังคม
รายงานการคาดการณ์ Future Disrupted : 2020 จัดทำและรวบรวมขึ้นโดยผู้เชี่ยวชาญของเอ็นทีที โดยได้ระบุแนวโน้มสำคัญใน 12 เดือนข้างหน้า รวมถึงเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทในอนาคต และขั้นตอนต่าง ๆ ที่ธุรกิจสามารถนำไปใช้เพื่อสร้างให้เกิดประโยชน์ตลอดปี 2020
แม้เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่ช่วงที่ผ่านมากลับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างช้ากว่าที่เคยเป็นมา ซึ่งชี้ให้เห็นชัดว่า เรายังไม่มีเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพเพียงพอที่ช่วยแก้ปัญหาในสังคม ธุรกิจ หรือในชุมชน ฉะนั้นยังมีโอกาสอีกมากที่เราจะใช้เทคโนโลยีหรือเครื่องมือต่างๆ เพื่อสนับสนุนการริเริ่มสร้างนวัตกรรมในหลากหลายสาขา เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นในอนาคต
เทคโนโลยีสำคัญที่เอ็นทีทีคาดว่าจะมีบทบาทในอนาคต ประกอบด้วย
1.Digital Twining : เทคโนโลยีการสร้างแบบจำลองเสมือน โดยอาศัยข้อมูล (datapoints) ที่เพียงพอ เพื่อสร้างแบบจำลองที่มีรูปแบบพฤติกรรมและความเข้าใจใกล้เคียงกับต้นแบบจริงเพื่อให้ได้ผลแม่นยำและรวดเร็วขึ้น
2.การสร้างความไว้วางใจผ่านการโต้ตอบบนระบบดิจิตอล (Building trust through digital interactions) : เมื่อ AI ได้รับการพัฒนาขึ้น ธุรกิจสามารถปรับปรุงรูปแบบการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าให้มีความใกล้ชิดมากขึ้น จากเพียงการให้บริการเชิงธุรกรรมเพียงอย่างเดียว ไปสู่การสร้างระบบที่สามารถดูแลลูกค้าเพื่อสร้างความไว้วางใจให้แก่ลูกค้ามากยิ่งขึ้น
3.การสร้าง Phygital Space (Immersive, responsive ‘phygital’ spaces) : ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างโลกดิจิทัล (Digital) และโลกกายภาพ (Physical) โดยอาศัยพื้นที่ทางกายภาพ เช่น ห้องประชุม สำนักงาน หรือร้านค้า ติดตั้งเทคโนโลยีที่จำเป็นเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมเสมือนจริงให้ผู้ใช้เกิดประสบการณ์ที่หลากหลาย
4.อาคารอัจฉริยะ (Smart Buildings) : ที่ใช้ IoT เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยมีความสะดวกสบายและยั่งยืนมากขึ้น โดยอาคารอัจฉริยะสามารถปรับอุณหภูมิให้เหมาะสมกับจำนวนผู้คนในอาคาร หรือปรับแสงสว่างให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงเวลาของวันโดยอัตโนมัติ
5.Data Wallets : เทคโนโลยีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่ข้อมูลนั้นๆ จะอยู่ที่เจ้าของข้อมูลอย่างปลอดภัย โดยผู้อื่นไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลนั้นได้หากไม่ได้รับอนุญาต และหากเจ้าของข้อมูลถูกคุกคาม ข้อมูลนั้นจะถูกล็อคและไม่สามารถเข้าถึงได้