หลังจากการประชุมธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB จบลงไปเมื่อวันที่ 12 ก.ย. พร้อมกับการผ่อนคลายทางการเงินด้วยการลดดอกเบี้ยเงิยฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ลง 0.1% จาก – 0.4% เป็น -0.5% ซึ่งระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณว่า จะรื้อฟื้นโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนพ.ย. ซึ่ง ECB จะซื้อพันธบัตรในวงเงิน 2 หมื่นล้านยูโร/เดือน โดยยังไม่มีกำหนดเวลาสิ้นสุดโครงการ
หลังจากแถลงของ ECB ได้ไม่นาน ก็เข้าทาง “ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์” ของสหรัฐฯ ที่ทวิตข้อความลงทวิตเตอร์ชื่นชมในการตัดสินใจของ ECB พร้อมกับการกระทบชิ่งไปยัง FED ที่ทรัมป์พยายามกดดันให้ FED ลดดอกเบี้ย โดยทรัมป์ทวิตข้อความระบุว่า
“ธนาคารกลางยุโรปได้ดำเนินการอย่างรวดเร็วในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.10% พวกเขาใช้ความพยายาม และประสบความสำเร็จในการลดค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับดอลลาร์ซึ่งแข็งค่าอย่างมาก และส่งผลกระทบต่อการส่งออกของสหรัฐ ขณะที่เฟดได้แต่นั่ง และนั่ง และนั่ง พวกเขาถูกจ้างมาเพื่อกู้ยืมเงิน ในขณะที่เราต้องจ่ายดอกเบี้ย”
“ทรัมป์” ต้องการดอกเบี้ยต่ำกว่า 0%
นี่เป็นข้อความที่ทรัมป์กำลังส่งสัญญาณให้การประชุมของ FED ในวันที่ 17-18 ก.ย. นี้ ตัดสินใจลดดอกเบี้ยลง เพื่อหวังให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงมา แต่ถ้าย้อนไปก่อนหน้านี้ทรัมป์ไม่เพียงแค่ต้องการให้ FED ลดดอกเบี้ยเท่านั้น แต่ยังต้องการเห็นดอกเบี้ยให้ต่ำกว่า 0% หรือ Negative Interest Rate
โดยทรัมป์ยกเหตุผลว่า เพื่อประโยชน์ของคนอเมริกันที่ต้องการรีไฟแนนซ์ จะได้ลดภาระเรื่องดอกเบี้ยลง โดยทรัมป์ระบุว่า “อัตราดอกเบี้ยที่มีอยู่ในเวลานี้ควรมีการปรับลดลงไป เพื่อประชาชนชาวสหรัฐฯ ควรจ่ายในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดในขณะที่ไม่มีเงินเฟ้อ”
“เฟด” ชี้ไม่เห็นประโยชน์ที่ดอกเบี้ยติดลบ
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า “นายเจอโรม พาวเวล” ประธานธนาคารกลางสหรัฐ ยืนยันว่า เฟดไม่ต้องการเห็นดอกเบี้ยสหรัฐ อยู่ในภาวะติดลบเหมือนกับสหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ตามที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ต้องการ

ขณะที่ก่อนหน้านี้ “นางเลล เบรนาร์ด” กรรมการของเฟด ก็เคยให้สัมภาษณ์กับทาง Yahoo Finance ไว้ว่า
“เฟดมองไม่เห็นประโยชน์ของการที่ดอกเบี้ยติดลบ จะดีกับเศรษฐกิจสหรัฐอย่างไร ในภาวะที่อัตราการว่างงานอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี และเศรษฐกิจสหรัฐกำลังขยายตัว จึงเป็นเรื่องยากมากที่เฟดจะลดดอกเบี้ยให้เป็น 0% หรือต่ำกว่านั้น”
สิ่งที่ทรัมป์ต้องการคือการที่ดอกเบี้ยติดลบ หรือ Negative Interest Rate นั่นแปลว่าธนาคารพาณิชย์ที่นำเงินไปฝากไว้กับธนาคารกลาง แทนที่ฝากเงินจะได้ดอกเบี้ย กลับกลายเป็นว่าต้องจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคารกลางแทน ซึ่งเป้าหมายของการที่ดอกเบี้ยติดลบก็เพื่อกระตุ้นให้ธนาคารพาณิชย์เร่งปล่อยกู้ในระบบเศรษฐกิจ
แต่การปล่อยสินเชื่อในภาวะที่ดอกเบี้ยติดลบ จะทำให้กำไรจากการปล่อยสินเชื่อของธนาคารลดลงด้วยเช่นกัน และมีความเสี่ยงค่อนข้างสูงที่อาจกระทบต่อการปล่อยสินเชื่อในอนาคต
ประเด็นเรื่อง “ดอกเบี้ย” FED ดูเหมือนว่าทั้งทรัมป์ และ FED ต่างมีจุดยืนและความต้องการของตนเอง แม้ก่อนหน้านี้จะดูเหมือนว่า FED ยอมอ่อนตามเสียงกดดันของทรัมป์ จนตัดสินใจลดดอกเบี้ยลงมา 1 ครั้ง แต่ FED เองก็ยังสงวนท่าทีไม่ยอมส่งสัญญาณทิศทางดอกเบี้ยว่าจะลดลงต่อเนื่องหรือไม่
จุดสำคัญจึงอยู่ที่การประชุมรอบนี้ 17-18 ก.ย. ไม่เพียงแต่ว่า FED จะลดดอกเบี้ยหรือไม่ แต่อยู่ที่ว่าจะส่งสัญญาณหรือไม่ว่าดอกเบี้ยในอนาคตจะลดต่ออีกกี่ครั้ง?