“เศรษฐา” เมินฝ่ายค้านติงยันนโยบายรัฐบาลตรงปก
เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวถึงการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภาวันแรกโดยถูกฝ่ายค้านอภิปรายนโยบายไม่ตรงปก ว่าก็รับฟังและตรงปก ตรงหมดทุกอย่าง

ก็เป็นไปตามที่แถลงตามที่ตนได้บอกไป ก็เป็นหน้าที่ของฝ่ายค้านที่ต้องพูดต้องถาม ตนก็เข้าใจได้
เมื่อถามว่า ให้คะแนนตัวเองกับฝ่ายค้านเท่าไหร่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ให้คะแนน ตนไม่ใช่ครู โดยในวันนี้เป็นการเป็นการอภิปรายวันที่สองที่จะเปิดโอกาสให้มีการอภิปรายนโยบายรัฐบาลนายเศรษฐาจะเดินทางถึงแล้วถ้าสภาในเวลา 09:00 น. และจะเปิดโอกาสให้ฝ่ายค้านอภิปรายต่ออีก 1 วัน
“สุริยะ” เร่งรถไฟฟ้า 20 บาทเริ่มปีใหม่ 2 เส้น แดง-ม่วง
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม ชี้แจงกรณีข้อวิจารณ์การดำเนินโครงการรถไฟฟ้า 20บาทตลอดสายที่ทำไม่ได้ว่า เมื่อตนมารับตำแหน่งรมว.คมนาคมแล้ว หลายโครงการต้องทบทวน อะไรดีก็ทำต่อ อะไรมีปัญหาก็ต้องทบทวน

เพื่อประโยชน์ประชาชน นโยบายรถไฟฟ้า 20บาทตลอดสาย จะทำต่อไป นโยบายนี้จะเริ่มทันที เพื่อสร้างโอกาสความเท่าเทียมให้ผู้มีรายได้น้อย โดยจะรวบรวมสัมปทานเส้นทางเดินรถไฟฟ้าของเอกชนทุกสายมาเจรจา ขั้นตอนเจรจาอาจต้องใช้เวลา 6เดือน จากนั้น 20บาทตลอดสายจะทำได้ทันที
ส่วนเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีแดง “ตลิ่งชัน-รังสิต” ราคา14-42บาท และสายสีม่วง “บางซื่อ-คลองบางใหญ่” ราคา 14-42บาท จะปรับราคาตลอดเส้นทางเป็น 20บาท จะเร่งผลักดันภายใน 3เดือน เป็นของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน
ขณะที่สายสีเขียวที่อยู่ในความรับผิดชอบของกทม. ต้องให้กทม.เป็นผู้ดำเนินการ แต่กระทรวงคมนาคมพร้อมจะสนับสนุน ยึดผลประโยชน์ประชาชนเป็นที่ตั้ง
ขณะที่สายสีส้ม เนื่องจากตนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง ขอเวลาพิจารณารายละเอียดทุกมิติ
“ไทยสร้างไทย” แนะ 3 ข้อ รัฐบาลแจกเงินดิจิทัลให้ได้ผล
ฐากร ตัณฑสิทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและเลขาธิการพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) กล่าวว่า นโยบายด้านเศรษฐกิจ เวลานี้โครงสร้างเศรษฐกิจไทยอยู่ในภาวะเติบโตต่ำ เหลื่อมล้ำสูง และคนส่วนใหญ่ขาดโอกาสที่จะเติบโต โดยนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงการวางรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับเศรษฐกิจสมัยใหม่ แต่ต้องเน้นย้ำว่า การสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล ไม่ใช่แค่การสร้างบล็อกเชนเท่านั้น แต่หมายถึงการสร้างระบบเศรษฐกิจ ที่ทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี

ฐากรกล่าวต่อว่า ขอเสนอแนวทางการสร้างเศรษฐกิจดิจิทัลที่ประชาชนเป็นศูนย์กลาง 3 ด้าน คือ 1.เตรียมคนให้พร้อม สนับสนุนให้คนไทยมีทักษะสำคัญที่เข้ากับเศรษฐกิจยุคดิจิทัล เช่น การคำนวณ ภาษา โปรแกรม และการปรับตัวให้ทัดเทียบประเทศสากลอื่นๆ 2.สนับสนุนธุรกิจให้โต รัฐบาลต้องสนับสนุนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความรู้ การแข่งขัน และนวัตกรรม โดยดึงดูดธุรกิจทั้งไทยและต่างชาติให้มีการลงทุนมากขึ้น และเปิดโอกาสให้ประชาชนในวงกว้างได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาเทคโนโลยี และ 3.ลดกฎเกณฑ์ภาครัฐที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ ให้เทคโนโลยีเป็นเครื่องมือให้ประชาชนสามารถตรวจสอบถ่วงดุลรัฐบาลได้
“สุดาวรรณ” แจงฝ่ายค้านนักท่องเที่ยวจีนไม่ใช่ทุนสีเทา
สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวชี้แจงข้อวิจารณ์เรื่องปัญหาธุรกิจสีเทาว่า เรื่องนี้ส่งผลกระทบภาพลักษณ์ของประเทศและด้านการท่องเที่ยว แต่ถือเป็นนิมิตหมายที่ดีที่จะมีการลงนามความร่วมมือแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบระหว่างกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ของไทยและกระทรวงวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของประเทศจีน

ส่วนเรื่องการยกเว้นวีซ่าเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ระบุว่าทำให้คนไทยเสียโอกาสในการทำธุรกิจ ประเทศจะเต็มไปด้วยธุรกิจสีเทา มีคนไม่ดีเข้ามาแย่งงานนั้น ยืนยันว่าเรื่องธุรกิจสีเทาและธุรกิจผิดกฎหมายทุกประเภทนั้น จะต้องมีการบังคับใช้กฎหมายจริงจัง
ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวจีนกว่า 2.23 ล้านคนที่เข้ามาตั้งแต่ต้นปีนี้ สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวกว่า 1 แสนล้านบาทเราไม่ควรจะเหมาว่าทั้งหมดเข้ามาทำธุรกิจแย่งคนไทย หรือทำธุรกิจผิดกฎหมายไปทั้งหมด
“ชลัฐ” ขยับขึ้น สส.ภูมิใจไทย หลัง “ทรงศักดิ๋” ลาออก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สภาผู้แทนราษฎรเรื่องให้มีผู้มีชื่ออยู่ในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองเลื่อนขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่าง

ตามประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่อง ผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ ลงวันที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2566 ซึ่งได้ประกาศให้ นายทรงศักดิ์ ทองศรี ผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อของพรรคภูมิใจไทย ลำดับที่ 3 ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร นั้น
ทรงศักดิ์ ทองศรี ได้มีหนังสือขอลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2566 เป็นเหตุให้สมาชิกภาพของนายทรงศักดิ์ ทองศรี สิ้นสุดลง ตามมาตรา 101 (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2566
ฉะนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 105 (2) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช2560 จึงประกาศให้ผู้มีชื่อในลำดับถัดไปในบัญชีรายชื่อของพรรคภูมิใจไทย คือ ชลัฐ รัชกิจประการ เลื่อนขึ้นมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทน
โดยขั้นตอนต่อไปสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จะเปิดให้ชลัฐ รายงานตัวเป็นส.ส.เพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป