บล.ไทยพาณิชย์ ชี้ ตั้งแต่ปี 63 เป็นต้นไป เทคโนโลยี AI จะเข้ามามีผลกับการช่วยลงทุนมากขึ้น พร้อมตั้งเป้าผู้ใช้“Robo Advisor” เพิ่มขึ้น 1 แสนบัญชี ภายใน 3 ปี
นายเฉลิมวุฒิ ชมะนันท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงาน Product and Platform บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวในงานสัมมนา”จับเทรนด์เทคโนโลยีแห่งโลกการเงิน เทคนิคการวางแผนในยุคดิจิทัล” ว่า ปัจจุบันการพัฒนานวัตกรรมต่าง ๆ มีความรวดเร็วจนเราเริ่มคาดไม่ถึง ซึ่งการพัฒนานวัตกรรมที่รวดเร็วยังทำให้พฤติกรรมการเงินของหลาย ๆ คนเปลี่ยนไปอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายคนในยุคนี้ใช้จ่ายเงินเก่งขึ้นโดยไม่รู้ตัว เนื่องจากนวัตกรรมต่าง ๆ ที่พัฒนาขึ้นต่างเอื้อประโยชน์ให้การใช้จ่ายสามารถทำได้สะดวกมากขึ้น แต่แทบไม่มีนวัตกรรมที่ช่วยกระตุ้นให้พฤติกรรมการออมเพิ่มขึ้น ซึ่งปัญหาที่ตามมานั่นคือหลายคนมักประสบปัญหารด้านการเงิน
อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ยังพบว่า การลงทุนในตลาดหุ้นเริ่มมีสัดส่วนการลงทุนจากกลุ่มรายย่อยลดลงเรื่อย ๆ โดยที่สัดส่วนการลงทุนกลับไปเพิ่มในกลุ่มนักลงทุนสถาบัน และกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากกลุ่มนักลงทุน 2 กลุ่มนี้ ล้วนแต่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยจัดการให้การลงทุนของตนเองเป็นเรื่องง่ายขึ้น ทำให้เชื่อว่าภายในปี 63 เป็นต้นไป จะเริ่มเห็นการใช้เทคโนโลยีในการลงทุนเพิ่มมากขึ้น
สำหรับ ข้อดีของการนำเทคโนโลยี อย่าง AI เข้ามาช่วยจัดการในด้านการลงทุน นั่นคือ AI สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมงและตลอด 7 วันต่อสัปดาห์ หรือพูดง่าย ๆ คือไม่มีวันหยุดนั่นเอง นอกจากนี้ AI ยังสามารถจับสัญญาณสำคัญต่าง ๆ ที่จะส่งผลต่อตลาดหุ้นเช่น อัตราเงินเฟ้อ, ภาวะเศรษฐกิจ, ประมวลข่าวสาร หรือวิเคราะห์งบการเงิน เป็นต้น
ขณะเดียวกัน บล.ไทยพาณิชย์ ก็ได้เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีในการลงทุน ภายใต้ชื่อ “Robo Advisor” ที่จะเข้ามาอำนวยความสะดวกให้กับนักลงทุน โดยสามารถจับสัญญาณต่าง ๆ เพื่อประมวลผลกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ต่าง ๆ และยังสามารถเทรดหุ้นได้อย่างอัตโนมัติอีกด้วย โดยเลือกหุ้นจากปัจจัยพื้นฐาน และวิเคราะห์จากอัตราเติบโตของบริษัทต่าง ๆ
ทั้งนี้ “Robo Advisor” ยังสามารถปรับพอร์ตการลงทุนได้อย่างอัตโนมัติ จากการจับสัญญาณทางเทคนิค และยังมีทีมวิเคราะห์ข้อมูลช่วยสนับสนุนการทำงาน ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา “Robo Advisor” มีการปรับพอร์ตการลงทุนไปแล้ว 4 ครั้ง และสามารถสร้างผลตอบแทนได้ในอัตรา 8-10% ตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงวันที่ 30 พ.ย.62 โดยการกระจายพอร์ตลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าภายใน 3 ปี มีผู้ใช้งาน “Robo Advisor” ถึง 1 แสนบัญชี
ดังนั้น จะเห็นว่าตั้งแต่ปี 63 เป็นต้นไป เทคโนโลยี จะเข้ามามีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากในอนาคตจะมีข้อมูลเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ข่าวสารต่าง ๆ ก็จะเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน หากเราจะมานั่งวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ ด้วยตนเองเพื่อตัดสินใจในการลงทุนคงไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไปแล้ว เทคโนโลยีที่ประมวลผลได้อย่างรวดเร็วและทำงานได้ตลอดเวลาจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะเข้ามาทำหน้าที่แก้ไขปัญหา
อ่านข่าวอื่น เทคโอเวอร์ เทสโก้ โลตัส เร่งการเติบโตหรือเพิ่มภาระ??