“ก้าวไกล” ชนะเลือกตั้งซ่อมเขต 3 ระยอง ชนะ “ปชป.”
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รายงานผลการเลือกตั้งซ่อมเขต3.จ. ระยอง อย่างไม่เป็นทางการ ณ เวลา 19.10น. วันที่ (10 ก.บ.) ซึ่งนับคะแนนไปแล้ววเกือบ 100% ปรากฎว่า หมายเลข 1 นายพงศธร ศรเพชรนรินทร์ พรรคก้าวไกล มีคะแนนมาเป็นอันดับ1 ด้วยคะแนน 39,296 คะแนน

ทิ้งห่าง หมายเลข 2 นายบัญญัติ เจตนจันทร์ พรรคประชาธิปัตย์ได้ 26,466 คะแนน
ขณะที่ หมายเลข 3 ร.ต.ต.เรืองชัย สมบัติภูธร พรรคแรงงานสร้างชาติ ได้ 881 คะแนน
จึงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า นายพงศธร ได้เป็นส.ส.เขต3จ.ระยองโดยขั้นตอนหลังจากนี้กกต.จะมีการประกาศรับรองผลต่อไป
“พิธา”หวังเลือกตั้งระยองกระดุมเม็ดแรกสู่ชัยชนะเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย พงศธร ศรเพชรนรินทร์ ผู้สมัคร สส.ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกล พร้อมด้วย สส.พรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข่าวหลังผลการนับคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าพงศธรได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้

โดยพิธา กล่าวว่า ผลการเลือกตั้งเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าพรรคก้าวไกลได้คะแนนเกือบ 4 หมื่นคะแนน หรือคิดเป็น 60% ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง มากกว่าครั้งก่อน 1.1 หมื่นคะแนน หรือคิดเป็น 30% ของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง ในการนี้ตนต้องขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิในวันนี้ และขอแสดงความขอบคุณไปยังหมอบัญญัติ ที่หาเสียงแข่งขันกันมา ขอบคุณทีมงานพรรค อาสาสมัคร และเพื่อน สส. ด้วยกันที่มาช่วยหาเสียง
โดยจะใช้โมเมนตั้มทางการเมืองครั้งนี้เป็นกระดุมเม็ดแรกในการหาเสียงครั้งต่อๆ ไปจนถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า ขอบคุณนครชัย ขุนณรงค์ อดีต สส. ระยองเขต 3 ที่เสียสละ พร้อมพิสูจน์ตัวเอง และขอแสดงความยินดีกับ สส.คนใหม่ของชาวระยองด้วย
สว.เซ็งได้เวลาอภิปรายนโยบายรัฐบาลแค่คนละ 5 นาที
เสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว. ) กล่าวว่าเวลาที่ สว.ได้รับน้อยเกินไป สำหรับเนื้อหาสาระที่เตรียมอภิปราย ดังนั้นต้องคุยหน้างานอีกครั้งว่าจะหาวิธีแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างไร

ทั้งนี้การอภิปรายนโยบายรัฐบาล ต่อรัฐสภา วันที่ 11 – 12 ก.ย. นี้ ซึ่งกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิสภา) ให้สว.ที่ต้องการร่วมอภิปรายแจ้งความประสงค์ ถึง 8ก.ย. โดยพบว่ามี สว.ร่วมเข้าชื่อแล้ว 59 คน ทำให้การจัดสรรเวลาที่ สว.ได้รับรวม 5 ชั่วโมง ต้องเฉลี่ยเเวลาอภิปรายเพียงคนละ 5 นาที
โดยเวลาที่ได้น้อยไป พูดออกไปอาจไม่รู้เรื่อง ต้องไปคุยหน้างานจะหาวิธีแก้ปัญหาอย่างไร สำหรับเนื้อหาที่เตรียมไว้จะพูดเรื่องเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000บาท จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ยั่งยืนหรือไม่ ยังไม่รู้จะกระตุ้นเศรษฐกิจได้แค่ไหน ไม่ใช่เงินหมดแล้วก็กลับมาทุกข์เหมือนเก่า จะเกิดผลกระทบต่อวินัยการเงินการคลังของประเทศหรือไม่เรื่องนี้ต้องอภิปรายแล้วให้รัฐบาลตอบ
“กัณวีร์” เตรียม 4 ประเด็นอภิปรายนโยบายรัฐบาล
กัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ และเลขาธิการพรรคเป็นธรรม กล่าวว่าพรรคเป็นธรรม ได้รับการจัดสรรเวลาอภิปรายนโยบายรัฐบาล ต่อที่ประชุมรัฐสภา ในวันที่ 11 – 12 ก.ย. รวม 20 นาที จากเวลาที่พรรคร่วมฝ่ายค้านได้รับรวม 14 ชั่วโมง เนื่องจากพรรคเป็นธรรม มีตนทำหน้าที่ สส.เพียงคนเดียว สำหรับประเด็นที่จะเน้นการอภิปรายในวันดังกล่าว คือ 4 เรื่อง ได้แก่ 1.ผู้ว่าซีอีโอ 2.สันติภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ 3.การทูตระหว่างประเทศ และ 4.สิทธิมนุษยชน

เนื่องจากมองว่าในรายละเอียดของคำแถลงนโยบายรัฐบาลที่เผยแพร่นั้นมีเพียงสั้นๆ เช่น กรณีของผู้ว่าซีอีโอ จะเกี่ยวกับการกระจายอำนาจที่หลายฝ่ายมองว่าอาจะเป็นการรวบอำนาจมากกว่า ดังนั้นรัฐบาลต้องชี้แจง พร้อมกันนั้นจะมีข้อเสนอเพื่อให้รัฐบาลนำไปดำเนินการเพื่อให้นโยบายกระจายอำนาจทำได้จริง
สำหรับประเด็นจุดยืนทางการทูต สิทธิเสรีภาพ รวมถึงสันติภาพปาตานี นั้นจากรายละเอียดของนโยบายรัฐบาลพบว่า ทั้ง 3 เรื่องนั้น มีเนื้อหาเพียงพารากราฟเดียว ทำให้เป็นข้อสงสัยว่าทำไมรัฐบาลถึงให้ความสำคัญน้อย โดยเฉพาะการทูตต่างประเทศ รวมถึงการสร้างสันติภาพ ทั้งที่ควรยกให้เป็นวาระแห่งชาติ แต่กลับไม่ให้ความสำคัญ
“สุทิน”โพสต์แจงยังไม่ตั้งที่ปรึกษากลาโหม
สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม โพสต์เฟซบุ๊คต่อกรณีที่สื่อมวลชนเผยแพร่ร่างคำสั่ง รมว.กลาโหม เตรียมแต่งตั้ง บุคคลในตำแหน่ง ต่างๆ ได้แก่ ประธานที่ปรึกษารมว. กลาโหม เลขานุการประจำตัวรมว.กลาโหม หัวหน้าสำนักงานรมว.กลาโหม รองหัวหน้าสำนักงานรมว.กลาโหม และคณะที่ปรึกษารมว.กลาโหม

ซึ่ง 2 ใน 6 คนนั้น คือ นายพายัพ ชินวัตร น้องชายนายทักษิณ ชินวัตร เป็น ประธานที่ปรึกษา รมว. กลาโหมและนาย พอพงษ์ ชินวัตร บุตรชาย นายพายัพ เป็น เลขานุการประจำตัว รมว.กลาโหม ว่าตามที่มีกระแสข่าวว่าผมแต่งตั้งบุคคลรับตำแหน่งต่างๆนั้น ผมขอเรียนว่า ยังไม่มีการแต่งตั้งหรือเตรียมแต่งตั้งใครเลย เพราะ ณ เวลานี้ผมยังไม่สามารถสั่งราชการได้ เพราะ ต้องรอกระบวนการตามกฏมายคือ ต้องหลังจาก การแถลงนโยบายต่อสภาเสร็จสิ้นสมบูรณ์ครับ
ต่อมา นายสุทิน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊คอีกครั้งว่า “เอกสารเรื่องการแต่งตั้งหรือเตรียมการแต่งตั้งตำแหน่งต่างๆ เป็นของปลอม จากผู้ที่ไม่หวังดี”