HomeBT NewsBusiness Today Thai Politics 10 พฤศจิกายน 2566 / ภาคค่ำ

Business Today Thai Politics 10 พฤศจิกายน 2566 / ภาคค่ำ


“เศรษฐา” แถลงเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต ย้ำหลักโปร่งใสประชาชนได้ประโยชน์

ที่ทำเนียบรัฐบาลเวลา 14.00 น. เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงรายละเอียดโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท 50ผู้ได้รับสิทธิต้องมีรายได้ไม่เกิน 7 หมื่นต่อเดือน หรือมีเงินฝากไม่เกิน 5 แสนล้านบาท พร้อมขยายพื้นที่ใช้จ่ายครอบคลุมระดับอำเภอในการใช้จ่าย และให้มีการใช้จ่ายตั้งแต่เดือน พ.ค.67

- Advertisement -


นายกฯเศรษฐา เปิดเผยว่ารัฐบาลมีเป้าหมายต้องกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในประเทศ เราจึงคิดทำนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet ครับ เราดำเนินการโครงการนี้ด้วยความรอบคอบ โปร่งใส ถูกต้องด้วยรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย สามารถตรวจสอบได้ ที่มาของเงินงบประมาณของเราชัดเจน และรัฐบาลจะมีแผนจัดสรรเงินงบประมาณมาเพื่อจ่ายคืนเงินส่วนที่เป็นเงินกู้ตลอดระยะเวลา 4 ปีไว้แล้ว

วันนี้โครงการ Digital Wallet ไม่ใช่แค่ความฝัน แต่กำลังเป็นความจริงแล้วครับ นี่คือนโยบายที่ประชาชนเป็นกลไกสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ผมขอฝากนโยบายนี้ให้ประชาชนทุกคน ร่วมกันใช้สิทธิด้วยความภาคภูมิใจ เพราะท่านเป็นผู้ร่วมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ให้กับประเทศชาติของเรา

สำหรับ เงื่อนไขโครงการ ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท (Digital Wallet) มีดังนี้ ผู้ที่ได้รับสิทธิ จำนวน 50 ล้านคน เริ่มใช้เงินในโครงการประมาณเดือน พ.ค.67

มีสัญชาติไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 7 หมื่นบาท มีเงินออมทุกบัญชีไม่เกิน 500,000 บาท ไม่สามารถโอนเงินให้ผู้อื่นหรือแลกเงินเป็นเงินสดได้ ใช้เงินเพื่อซื้อของอุปโภค บริโภคเท่านั้น ใช้งานในรัศมีอำเภอตามที่อยู่ในบัตรประชาชน

ส่วนเงื่อนไขการใช้เงิน ไม่สามารถซื้อสินค้าออนไลน์ได้ ไม่สามารถซื้อของที่เป็นอบายมุข เหล้า สุรา ไพ่ ไม่สามารถซื้อบัตรกำนัล บัตรเงินสด เพชร พลอย ทองคำ อัญมณี ไม่สามารถชำระหนี้ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ น้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซธรรมชาติได้ ไม่สามารถจ่ายค่าเทอมได้

ระยะเวลาและขอบเขตในการใช้เงิน ได้แก่ ประชาชนทั่วไปสามารถใช้จ่ายเงินในระยะเวลา 6 เดือน โดยต้องลงทะเบียนก่อนในช่วงเดือน มี.ค.67 เพื่อยืนยันการใช้สิทธิ์ ร้านค้าให้ใช้จ่ายหมุนเวียนได้จนถึงเดือน เม.ย.70


“เศรษฐา” ควง “อุ๊งอิ๊ง” เปิดงานเทศกาลฤดูหนาว

เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานการแถลงข่าวและพิธีเปิดงาน “Thailand Winter Festival 2566” โดยมีภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แพทองธาร ชินวัตร รองประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และผู้แทนภาคส่วนต่างๆ เข้าร่วม


ชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า รัฐบาลมีเป้าหมายที่จะทำให้เทศกาล Thailand Winter Festival และ Colorful Bangkok Winter Festival เป็นหนึ่งในกลไกที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เลือกที่จะมาท่องเที่ยวในประเทศไทย ด้วยงานเทศกาลที่มีมากกว่า 3,000 งาน และกว่า 200 งาน ที่จัดขึ้นในกรุงเทพฯ ทั้งหมดมีความหลากหลายทั้งทางศิลปะ อาหาร ดนตรี กีฬา งานแสงสี และงานประจำปี อย่างครบถ้วน Thailand Winter Festival และ Colorful Bangkok Winter Festival เกิดขึ้นจากความร่วมมือของทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยกระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร และหลายหน่วยงาน รวมถึงภาคเอกชน ภายใต้การทำงานร่วมกันในคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ เป็นผลจากการทำงานแบบบูรณาการอย่างแท้จริง

รัฐบาลตั้งเป้าหมายว่าประเทศไทยจะต้องเป็นผู้นำในด้าน Festival ของโลกคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติได้เริ่มผลักดัน แก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรควางรากฐานการเติบโตของอุตสาหกรรม รวมไปถึงสร้างเครือข่ายเชื่อมโยงองค์ความรู้ ให้ประเทศไทยพร้อมสำหรับการเป็น Festival Country ในอนาคต ตนเองเชื่อว่าประเทศไทยยังมีศักยภาพในการท่องเที่ยวอีกมาก เพราะยังมีนโยบายอื่นที่จะสนับสนุน และจะมีการยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามบินที่กำลังจะเกิดขึ้นที่อันดามัน และนโยบายเรื่องวีซ่าฟรีที่กำลังดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง

การสร้างพลังอำนาจในการดึงดูด การสร้างวัฒนธรรม สินค้า คุณค่าทางการเมืองให้เกิด Soft Power ไม่มีทางลัด ไม่มีสูตรสำเร็จ ไม่มีทางง่าย ต้องใช้เวลา กว่าที่เราจะสร้าง Ecosystem ให้แข็งแรงต่อทุกอุตสาหกรรม แต่ถ้าไม่เริ่มต้น จะไม่มีทางเกิดขึ้น ซึ่งรัฐบาลได้เริ่มต้นอย่างจริงจังครับ เราระดมทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชนที่อยู่ในอุตสาหกรรมมานั่งวางแผนเพื่อพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ไปด้วยกัน วันนี้เป็นจุดเริ่มต้นของมิติใหม่ที่จะเปิดโอกาส เปิดพื้นที่ เปิดความฝันของคนไทยอีกมาก เราพร้อมแล้วครับที่จะเป็นผู้นำสร้าง Soft Power สร้างประเทศไทยให้มีพลังทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น


“ศิริกัญญา” ชี้เงินดิจิทัลถึงทางตัน รัฐบาลยืมมือศาลล้มโครงการ

ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ภายหลังเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง แถลงรายละเอียดโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ว่า ขณะนี้ความชัดเจนเริ่มปรากฏแล้ว แต่เป็นความชัดเจนที่ไม่มีเรื่องแหล่งที่มาของเงิน นายกฯเลือกเส้นทางที่ยากที่สุด คือการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เงินกู้ 5 แสนล้าน เพื่อระดมทุนมาแจกในโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แม้วันนี้หลักเกณฑ์จะมีการพูดถึงคนที่รายได้ต่ำกว่า 7 หมื่นบาท แต่ท้ายที่สุดอาจไม่มีใครได้เงินจากโครงการนี้เลย เพราะเสี่ยงขัดต่อกฎหมาย ขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 140 และขัดต่อ พ.ร.บ.วินัยการเงิน การคลัง มาตรา 53 ที่มีการระบุว่า หากใช้เงินที่ไม่ได้เป็นไปตามงบประมาณปกติ จะทำได้กรณีมีความจำเป็นเร่งด่วนเท่านั้น แต่วันนี้ยังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนอะไร


เราไม่ได้อยากกดดันให้มีการร้องเรียนไปยังศาลรัฐธรรมนูญ แต่เราคิดว่านี่เป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารอย่างแท้จริงที่ต้องแสดงความรับผิดชอบ โดยให้คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความให้เด็ดขาดว่า รัฐบาลจะออก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาทได้หรือไม่ โดยไม่ต้องไปถึงมือขององค์กรอิสระที่ไม่เป็นวิถีทางประชาธิปไตยสักเท่าไหร่

กล่าวอีกว่าที่ต้องออกมาพูด เพราะการออก พ.ร.บ.เงินกู้ 5 แสนล้านบาท มีความสุ่มเสี่ยงจริงๆ เหมือนกับกรณี พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท อย่างชัดเจน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญตีตกว่าไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน ดังนั้น รัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ ตนตั้งข้อสังเกตว่าการที่รัฐบาลเลือกทางนี้ เพราะไม่ต้องการให้โครงการนี้สำเร็จ แต่ต้องการให้เข้าทางนักร้องต่างๆ เพื่อหาทางลงให้สวยงามของโครงการที่มาถึงทางตันโดยสมบูรณ์แล้ว ตนไม่ได้เห็นด้วยกับการร้องศาลรัฐธรรมนูญเรื่องนี้ แต่ขอให้รัฐบาลได้แสดงความรับผิดชอบทางการเมืองโดยการให้กฤษฎีกาตีความ

มองว่ารัฐบาลเองน่าจะเห็นแล้วว่าไม่มีทางที่จะไปได้จริงๆ ทางเลือกนี้เป็นการหาทางลงมากกว่าที่จะเดินหน้าโครงการนี้จริงๆ ถ้ากฤษฎีกาตีความเข้าข้างให้ผ่าน และ ส.ส.ในสภาก็ให้ผ่าน สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือภาระหนี้ในแต่ละปีงบประมาณที่จะเพิ่มขึ้นปีละ 5 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 15% ของงบรายจ่ายประจำปี ซึ่งจะเป็นภาระงบประมาณอย่างใหญ่หลวง


“ปานปรีย์” วอนอย่าด่วนสรุปขึ้นเงินเดือนข้าราชการ ขอดูความเหมาะสม

ปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะกำกับดูแล สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กล่าวภายหลังการประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมี ก.พ. กระทรวงการคลัง สำนักงานสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และสำนักงบประมาณ เพื่อหารือข้อราชการเรื่องการปรับฐานเงินเดือนข้าราชการ ว่า มติ ครม. ให้สำนักงาน ก.พ. ไปศึกษาแนวทางการปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการพลเรือน เพื่อเสนอที่ประชุม ครม. เห็นชอบ ภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน นี้ ตนมาในฐานะผู้สังเกตการณ์ ซึ่งความเห็นในที่ประชุมวันนี้ทิศทางออกมาดี แต่รายละเอียดต้องทำเพิ่มเติม คาดว่าก่อนสิ้นเดือนเสร็จแน่นอน


เมื่อถามว่า แนวทางการปรับขึ้นเงินเดือนจะปรับขึ้นเฉพาะข้าราชการชั้นผู้น้อย ขณะที่ชั้นผู้ใหญ่จะขึ้นเปอร์เซ็นต์ที่น้อยใช่หรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า คงจะต้องดู เพราะมีส่วนที่เป็นข้าราชการที่บรรจุใหม่ (แรกเข้า) ที่เราต้องปรับฐานเงินเดือน เพื่อให้คนสนใจเข้าสู่ระบบราชการ เพราะถ้าฐานเงินเดือนต่ำเราอาจจะได้คนที่ไม่มีคุณภาพ หรือคนที่ควรจะรับราชการอาจจะไปทำงานเอกชน ดังนั้นวันนี้ต้องพิจารณาด้วยว่าอัตราเงินเดือนของเอกชนที่จบปริญญาตรีเริ่มต้นเท่าไร และดูความเหมาะสมในระบบราชการว่าควรจะเงินเดือนเท่าไร

เมื่อถามย้ำว่าข้าราชการบรรจุแรกเข้าจะได้เงินเดือน 25,000 บาท ใช่หรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า ยังไม่ใช่ ต้องดูรายละเอียดเพิ่มเติม อย่าพึ่งสรุปว่าจะเป็นเท่าไร

เมื่อถามว่า การปรับขึ้นเงินเดือนข้าราชการชั้นผู้น้อยจะคิดเป็นเปอร์เซ็นต์หรือไม่ นายปานปรีย์ กล่าวว่า การพิจารณาวันนี้ยังไปไม่ถึงตรงนั้น โดยพิจารณาในส่วนข้าราชการแรกเข้าก่อน


“จุรินทร์” ชี้รัฐบาลรีบร้อนแถลงผลงาน 2 เดือนไร้ประโยชน์

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.บัญชีรายชื่อและรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้กล่าวถึงการแถลงผลงาน 2 เดือนของรัฐบาลว่า ผิดความคาดหวังเพราะคนส่วนใหญ่คิดว่าจะเป็นเรื่องของการตั้งโต๊ะแถลงผลงานและเปิดโอกาสให้นักข่าวได้ซักถาม แต่พอเอาเข้าจริงกลายเป็นแค่นายกคนเดียวนั่งอัดเทปถามตอบกับพิธีกรออกทีวีแล้วมาเปิดให้ประชาชนดู และถ้าติดตามโดยละเอียด จะพบว่าเนื้อหาส่วนใหญ่ ยังวนเวียนอยู่กับการบอกว่าคิดจะทำอะไร เหมือนการแถลงนโยบายภาค 2


เรื่องการลดรายจ่ายส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องของการเอาเงินภาษีประชาชนมาชดเชยการลดราคาให้ประชาชน เหมือนแค่เอาอัฐยายมาซื้อขนมยาย หลายเรื่องยังแค่ตั้งกรรมการศึกษา ยังไม่มีผลสัมฤทธิ์ที่แท้จริงที่จะเอาออกมาแสดงได้ว่าเป็นอย่างไร แม้แต่เรื่องเกษตรกรก็ไม่มีอะไรใหม่แถมเกษตรกรยังได้น้อยกว่าเดิม

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News