Booking.com ผู้เชี่ยวชาญ และ ในฐานะผู้นำของแวดวงการเดินทางและเทคโนโลยี เปิดเผยผลสำรวจจากกลุ่มนักเดินทางมากกว่า 22,000 คนจาก 29 ประเทศ ทั้งข้อมูลเชิงลึกจากการรีวิวของผู้เข้าพักกว่า 180 ล้านรายการที่ได้รับการตรวจสอบแล้ว คาดการณ์ว่าเทรนด์ท่องเที่ยวปี 2020 ชาวไทยใส่ใจสิ่งแวดล้อม เที่ยวเมืองรองมากขึ้น
อายาน เดคก์ (Arjan Dijk) รองประธานอาวุโสและหัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Booking.com กล่าวว่า “เมื่อเราก้าวเข้าสู่ทศวรรษใหม่ เราก็จะได้เห็นธุรกิจในแวดวงการเดินทางพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และฟังก์ชั่นต่าง ๆ เพื่อให้ทุกคนออกไปสัมผัสโลกกว้างได้ง่ายขึ้น อีกทั้งเพื่อตอบสนองต่อนักเดินทางที่ต้องการเที่ยวอย่างยั่งยืนขึ้น อยากรู้เรื่องราวต่าง ๆ มากขึ้น และเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแนะนำจุดหมายเมืองรองเพื่อช่วยต่อสู้กับปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง ไปจนถึงคำแนะนำด้านการเดินทางที่คัดสรรมาให้มีความเฉพาะบุคคลมากยิ่งขึ้น ไปจนถึงทำให้มั่นใจว่ามีตัวเลือกที่พักหลากหลายที่สุดสำหรับลูกค้าทั่วโลก เราต้องการให้แน่ใจว่าผู้เดินทางนั้นมีความพร้อม โดยได้รับการสนับสนุนและตื่นเต้นกับการเดินทางในปี 2020 และหลังจากนี้ไปอีกตราบนานเท่านาน”
- กระแสเที่ยว “เมืองรอง” จะมาแรงขึ้น
การเที่ยวเมืองรอง หมายถึง การไปสำรวจจุดหมายที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่า เพื่อพยายามลดปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมืองและช่วยปกป้องสิ่งแวดล้อม โดยเทรนด์ท่องเที่ยวนี้จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปีที่จะมาถึง ผู้เดินทางชาวไทยจำนวนมากกว่าครึ่ง (68%) อยากมีส่วนร่วมในการลดปัญหานักท่องเที่ยวล้นเมือง (จาก 54% ของผู้เดินทางทั่วโลก) ส่วน 65% ต้องการเปลี่ยนแผนไปเที่ยวจุดหมายอื่นที่เป็นที่รู้จักน้อยกว่าแต่คล้ายกับของเดิม

2. ให้เทคโนโลยีคาดการณ์สิ่งที่ไม่คาดคิด
โดยในปี 2020 ผู้เดินทางจะใช้เทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและช่วยให้ทุกอย่างง่ายดาย เชื่อมโยงเรากับประสบการณ์ใหม่ ๆ ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะเทคโนโลยีแล้วเราก็อาจไม่ได้มีโอกาสสัมผัส นอกจากนี้ยังช่วยประหยัดเวลา (รวมถึงเวลาที่ใช้นั่งหน้าจอดิจิทัล) และช่วยให้เราใช้ทุกนาทีของ “ตอนนี้” ได้อย่างเต็มที่ระหว่างออกเดินทาง
นอกจากนี้ ผู้เดินทางไทยมากกว่าครึ่ง (64%) เน้นว่าระหว่างเดินทางจะใช้แอปพลิเคชันที่ทำให้เลือกดูและจองกิจกรรมแบบเรียลไทม์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ในขณะที่ผู้คนจำนวนใกล้กัน (61%) มีแผนที่จะใช้แอปพลิเคชั่นซึ่งสามารถวางแผนกิจกรรมต่าง ๆ และเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ ในปี 2020 จะมีแอปพลิเคชันจำนวนมากยิ่งขึ้นมาพร้อมกับเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่คอยเสนอคำแนะนำสำหรับผู้ใช้รายนั้น ๆ โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นจุดหมาย ที่พัก และกิจกรรมน่าสนใจ โดยอิงตามความชอบในปัจจุบัน ทริปก่อนหน้า สภาพอากาศ และ ความนิยม

3. เที่ยวแบบสโลว์ ๆ จะมาแทน #FOMO
แทนที่จะต้องคอยกลัวตกกระแส (Fear of Missing Out หรือ FOMO) และต้องเร่งรีบทำทุกอย่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การเดินทางในปี 2020 นั้นจะพลิกโฉมไปเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยผู้เดินทางชาวไทยมากกว่าครึ่ง (61%) วางแผนที่จะใช้รูปแแบบการเดินทางที่ช้าลงเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และ 3 ใน 4 (78%) อยากเลือกเส้นทางที่ใช้เวลาเพิ่มขึ้นเพื่อสัมผัสประสบการณ์จากการเดินทางให้มากขึ้น รูปแบบการเดินทางซึ่งช่วยสนับสนุนความต้องการที่เปลี่ยนไป ก็จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขี่จักรยาน รถราง เลื่อนลาก เรือ รวมถึงเดินด้วยสองเท้าของนักเดินทางเอง ตามจริงแล้วผู้เดินทางชาวไทย 75% ไม่เกี่ยงว่าจะต้องใช้เวลาเดินทางไปจุดหมายนานขึ้น หากได้ใช้วิธีเดินทางแบบแปลกใหม่ นอกจากนี้ ผู้เดินทาง 73% อยากสัมผัสถึงความรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลา ด้วยการนั่งรถไฟสายประวัติศาสตร์ (เช่น Flying Scotsman หรือ Orient Express) เฝ้ารอปีแห่งการเดินทางสุดพิเศษแบบค่อยเป็นค่อยไปได้เลย
4. ค้นพบการท่องเที่ยวที่สัมผัสความสนุกได้แบบครบครัน
Booking.com กล่าวว่าจุดหมายอันดับต้น ๆ ที่สามารถมอบประสบการณ์ความสนุกแบบครบครันให้กับนักท่องเที่ยวได้ คือ มอนเตวิเดโอ (อุรุกวัย) อิลญาเบลา (บราซิล) และนาฮะ (ญี่ปุ่น) เมื่อเทียบกับจุดหมายอื่น ๆ

5. สัตว์เลี้ยงต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง
เจ้าของสัตว์เลี้ยงทั่วโลกเกินครึ่ง (55%) กล่าวว่าให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงเหมือนเป็นลูก รวมถึง 53% ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงชาวไทยด้วยเช่นกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่เทรนด์การเดินทางปี 2020 นี้จะถือเป็นจุดเริ่มต้นยุคใหม่ของการพักผ่อนโดยมีสัตว์เลี้ยงเป็นศูนย์กลาง เทรนด์นี้เห็นได้ชัดจากจำนวนที่พักซึ่งยินดีต้อนรับสัตว์เลี้ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องบน Booking.com ทั้งนี้ เพื่อยกระดับการบริการและสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ เช่น ที่นอนสุนัข สปาสัตว์เลี้ยง เมนูรูมเซอร์วิส หรือแม้แต่ห้องอาหารที่ออกแบบเป็นพิเศษเพื่อสัตว์เลี้ยง เรียกได้ว่าสัตว์เลี้ยงที่เดินทางพักร้อนพร้อมเจ้าของสามารถตั้งตารอประสบการณ์ระดับ 5 ดาวได้อย่างแน่นอน
6. สร้างความทรงจำดี ๆ ด้วย “ทริปสองวัย”
ปี 2020 เป็นปีแห่ง “ทริปสองวัย” เพราะจะมีปู่ย่าตายายจำนวนมากขึ้นที่พร้อมไปพักร้อนกับหลาน ๆ โดยไม่ได้พาคนเป็นพ่อแม่ไปด้วย ชาวไทยในรุ่นปู่ย่าตายายเกือบ 3 ใน 4 (74%) ยอมรับว่าการใช้เวลากับหลาน ๆ ทำให้ตนเองได้รู้สึกย้อนวัย โดยอีก 56% เชื่อว่าเหล่าพ่อแม่ก็อยากมีเวลาเป็นส่วนตัวบ้างโดยไม่มีเด็ก ๆ มารบกวน เมื่อจับคู่กับความจริงที่ว่าผู้สูงวัยทุกวันนี้แข็งแรงกว่า ชอบผจญภัยมากกว่า และกระตือรือร้นที่จะได้รู้สึกเหมือนกลับไปเป็นเด็ก อีกทั้งกระฉับกระเฉงกว่าเมื่อก่อน เราก็จะได้เห็นว่า “ทริปสองวัย” ซึ่งมีกิจกรรมสุดแอคทีฟมากมายให้คนสองวัยได้เข้าร่วมนั้น จะได้รับความนิยมมากขึ้นไปอีกในปีหน้า

7. แข่งกันไปจองร้านอาหาร
เมื่อต้องตัดสินใจเรื่องท่องเที่ยวในปีหน้า จะเห็นว่าผู้เดินทางต่างให้ความสำคัญกับเรื่องอาหารเป็นอันดับแรก ๆ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เดินทางชาวไทยส่วนใหญ่ จำนวนถึง 85% กล่าวว่าการได้ทานอาหารที่ใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นนั้นเป็นเรื่องสำคัญเมื่อไปทริปวันหยุด ดังนั้น เตรียมกาปฏิทินหาวันหยุดได้เลย เพราะในปีหน้าผู้เดินทางจะเปลี่ยนแผนท่องเที่ยวโดยอิงจุดหมายที่เหมาะกับการไปทานอาหารเป็นหลัก โดยอยากไปดื่มด่ำรสชาติก่อนใคร และต้องการไปเยือนร้านเป็นรายแรก ๆ หรือก่อนที่จะกลายเป็นร้านดังออกสื่อต้องจองโต๊ะไปอีกร้าน

8. ทางลัดที่จะได้ออกเดินทางระยะยาว
เนื่องจากการเกษียณมีแนวโน้มมากขึ้นเรื่อย ๆ หลายคนวางแผนที่จะเกษียณเร็วขึ้น ในปี 2020 เราจึงเห็นการวางแผนการเกษียณเป็นเหมือนกับ “การวางแผนเดินทางเพื่อออกผจญภัย” ซึ่งชาวไทยในช่วงอายุ 18-25 ปี จำนวนมากกว่าหนึ่งในสี่ (28%) กำลังวางแผนที่จะเกษียณก่อนอายุ 55 ปี และเนื่องจากการเกษียณและการเดินทางการเป็นเรื่องที่ควบคู่ไปด้วยกันสำหรับกลุ่มคนในหลายช่วงอายุ จึงคาดว่าจะได้เห็นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้ผู้เดินทางสามารถเริ่มกระบวนการวางแผนผ่านเงินเก็บสำหรับ “ทริปหลังเกษียณ” โดยเป็นไปในลักษณะที่เปิดโอกาสให้ผู้เดินทาง ปันเงินไว้สำหรับทริปพักร้อนที่ยาวที่สุดในชีวิต