โครงการรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลเปิดให้บริการแล้ว 8 เส้นทาง
น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมอำนวยความสะดวกกับประชาชน เป็นพื้นฐานสำคัญของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

ทั้งนี้ เฉพาะรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯและปริมณฑล ที่ปัจจุบันเปิดให้บริการรวมแล้วทั้งสิ้น 12 เส้นทาง ระยะทางรวม 242.34 กิโลเมตรนั้น เป็นโครงการที่ได้รับการผลักดันการก่อสร้างและเปิดให้บริการในช่วงที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้นรัฐบาลทั้งหมด 8 เส้นทาง ระยะทางรวม 142.54 กม. ประกอบด้วย 1) สายสีม่วง บางใหญ่-เตาปูน ระยะทาง 23 กม. เปิดให้บริการ 6 ส.ค. 2559 2) สายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 18.70 กม. ทยอยเปิดบริการรวม 4 ช่วง ในปี 2562-2563 3) สายสีน้ำเงิน ช่วง หัวลำโพง-บางแค(หลักสอง) ระยะทาง 14 กม. เปิดบริการ 29 ก.ย. 2562 4) สายสีน้ำเงิน บางซื่อ-ท่าพระ ระยะทาง 13 กม. เปิดให้บริการ 30 มี.ค. 2563 5) สายสีทอง กรุงธนุบรี-คลองสาน ระยะทาง 1.88 กม. เปิดให้บริการ ธ.ค. 2563 6) รถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง(เหนือ) บางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26.30 กม. เปิดให้บริการ 29 พ.ย. 2564 7) รถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง(ตะวันตก) บางซื่อ-ตลิ่งชัน ระยะทาง 15.26 กม. เปิดให้บริการ 29 พ.ย. 2564 และ 8) สายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.40 กม. เปิดให้ประชาชนทดลองนั่งฟรี 3 มิ.ย. 2566 และเริ่มเก็บค่าโดยสารเมื่อ 3 ก.ค. 2566 ที่ผ่านมา
นายกฯ ส่งเสริมหน่วยงานภาคีรัฐจับมือเอกชน จัดงาน TRIUP FAIR 2023
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ส่งเสริมความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดงาน “มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรม TRIUP FAIR 2023” ระหว่างวันที่ 18 – 19 ก.ค. 2566 ณ Royal Paragon Hall ชั้น 5 ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน รวบรวมผลงาน นักวิจัย ผู้ประกอบการ และหน่วยงานในระบบนิเวศที่มีกลไกสนับสนุนภาคธุรกิจกว่า 60 หน่วยงานมาไว้ในที่เดียวกัน เชื่อมั่นเพิ่มขีดความสามารถ พัฒนา งานวิจัยและนวัตกรรม ต่อยอดพัฒนาระบบเศรษฐกิจก้าวหน้า เป็นรูปธรรม

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่างาน “มหกรรมส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากงานวิจัยและนวัตกรรม TRIUP FAIR 2023” เกิดจากความร่วมมือของ กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่ายในระบบวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (ววน.) ผนึกกำลังภาคเอกชนนำโดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยจัดขึ้นภายใต้ แนวคิด “Journey to Impact : เส้นทางจากงานวิจัยและนวัตกรรมสู่การยกระดับเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ” ภายใต้ 3 ประเด็นหลัก ได้แก่ การแพทย์และสุขภาพ เกษตรและอาหารมูลค่าสูง และ Net Zero Emission เพื่อเปิดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการภาคเอกชนได้พบกับผลงานวิจัยและนวัตกรรมที่ใช้ได้จริงกว่า 300 ผลงาน ซึ่งสามารถต่อยอดเชิงพาณิชย์ รวมทั้ง เปิดพื้นที่ทำ Business Matching ให้แก่ผู้ที่สนใจ การจัดให้มีเวทีเสวนา และการอบรมเชิงปฏิบัติการที่เหมาะกับนักวิจัยและผู้ประกอบการโดยมีวิทยากรทั้งในประเทศและต่างประเทศมาร่วมแลกเปลี่ยน กิจกรรม Pitching การจับคู่ธุรกิจ การให้คำปรึกษาจากหน่วยงานต่างๆ กว่า 60 หน่วยงาน อาทิ เรื่องทุนวิจัย การจัดการทรัพย์สินทางปัญญา ห้องปฏิบัติการตรวจวิเคราะห์ต่างๆ การรับรองมาตรฐานสินค้านวัตกรรม การขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ บัญชีนวัตกรรม มาตรการภาษี 200% รวมถึงกลไกด้านการตลาดทั้งในและต่างประเทศ และรับสิทธิพิเศษต่างๆ ด้านการเงิน การลงทุนเพื่อผู้ประกอบการฐานนวัตกรรม และผู้สนใจที่ต้องการผลักดันผลงานวิจัยและนวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์ เป็นต้น
ไทยส่งออกเนื้อและชิ้นส่วนไก่แช่แข็งเพิ่มเกือบ 100% ใน 5 เดือนแรกของปี
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงการเดินหน้าความร่วมมือด้านการส่งออกสินค้าปศุสัตว์ของไทยไปยังจีนที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งออกเนื้อและชิ้นส่วนไก่แช่แข็งที่มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นถึง 100% ในช่วงเดือน ม.ค. – พ.ค. 2566 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยินดีที่ความร่วมมือระหว่างไทยกับจีนในด้านนี้มีความใกล้ชิด และก้าวหน้าไปอย่างมาก ตอกย้ำการส่งเสริมสินค้าไทย คุณภาพสินค้า และการผลิตของไทย รวมถึงความสัมพันธ์อันดีของทั้ง 2 ประเทศ

โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า หน่วยงานภาครัฐของไทยและจีนได้หารือถึงการส่งเสริมการส่งออกสินค้าปศุสัตว์กันอย่างต่อเนื่อง โดยเป็นที่น่ายินดีที่ล่าสุด สำนักงานศุลกากรแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน (Bureau of Import and Export Food Safety, General Administration of Customs, People’s Republic of China: GACC) ได้ขยายกรอบการส่งออกชิ้นส่วนและเครื่องในเป็ดของไทย ซึ่งกรมปศุสัตว์ของไทยอยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดส่งร่างพิธีสารฯ เสนอผ่านกระทรวงต่างประเทศ ตรวจสอบเนื้อหา ก่อนนำเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบและมอบหมายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ลงนามต่อไป
มหกรรมอร่อยปักหมุด สตรีทฟู้ดไทย จ.เชียงใหม่ ปั้นผู้ประกอบการ หนุนท่องเที่ยว
นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้ นางต้องใจ สุทัศน์ ณ อยุธยา ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน เป็นประธานกล่าวเปิดงาน “IT Tastes Good อร่อยปักหมุด สตรีทฟู้ดไทย จังหวัดเชียงใหม่” ภายใต้โครงการพัฒนาส่งเสริมอาชีพผู้ประกอบการร้านสตรีทฟู้ด (Street Food) กระทรวงแรงงาน โดยมี หัวหน้าส่วนราชการหน่วยงานสังกัดกระทรวงแรงงานจังหวัดเชียงใหม่ ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ผู้ประกอบการร้านค้าสตรีทฟู้ด และประชาชนที่มาร่วมงาน ร่วมให้การต้อนรับ นางนภวรรณ โกละกะ แรงงานจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์การจัดงาน ณ ศูนย์การค้าบิ๊กซี เชียงใหม่ 1 ดอนจั่นอำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

นางต้องใจ กล่าวว่า ตามที่กระทรวงแรงงาน ได้จัดทำโครงการพัฒนาส่งเสริมอาชีพผู้ประกอบการร้านสตรีทฟู้ด (Street Food) กระทรวงแรงงาน โดยมีกิจกรรมประกอบด้วย การเปิดตัวโครงการ การจัดฝึกอบรมผู้สนใจประกอบอาชีพสตรีทฟู้ดรายใหม่ และผู้ประกอบอาชีพสตรีทฟู้ดรายเดิม จำนวนกว่า 30,000 ราย รวมทั้ง การจัดกิจกรรมแสดงร้านค้าสตรีทฟู้ดในวันนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพสตรีทฟู้ด สร้างรายได้ และกระตุ้นเศรษฐกิจในชุมชน เป็นการประชาสัมพันธ์อาหารในท้องถิ่นและร้านอาหารต่างๆ ให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวและประชาชนทั่วไป อีกทั้งยังเป็นการยกระดับผู้ประกอบอาชีพสตรีทฟู้ดของจังหวัด ให้มีโอกาสนำเสนอรูปแบบการขายใหม่ เช่น รูปแบบฟู้ดทรัค (Food Truck) ซึ่งถือเป็นทางเลือกสำหรับผู้ต้องการเริ่มต้นธุรกิจสตรีทฟู้ดในรูปแบบต่างๆ
ผู้ตรวจฯ วีระกิตติ์ ลงพื้นที่เพชรบูรณ์ยกบริษัท รพีพลฯ ต้นแบบผู้ประกอบการเหมืองแร่
นายวีระกิตติ์ รันทกิจธนวิชญ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการกำกับ ดูแล และส่งเสริมการประกอบการเหมืองแร่ ตามแนวอุตสาหกรรมวิถีใหม่ “เหมืองแร่ดี คู่ชุมชน” โดยมี นายพสุ สุครีวก อุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ และเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดเพชรบูรณ์ ให้การต้อนรับ

โดยได้ลงพื้นที่ตรวจราชการ ณ บริษัท รพีพล จำกัด (โรงโม่หินเทพประทานพร 2) ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 299 หมู่ที่ 2 ตำบลซับสมอทอด อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ ประกอบกิจการ โม่ บด ย่อยหิน ซึ่งได้ดำเนินการตามนโยบาย MIND ทั้ง 4 มิติ ได้แก่
- ความสำเร็จทางธุรกิจ ได้มีการขยายการผลิตเพื่อรองรับการพัฒนาเส้นทางหลวงหลักของประเทศจากภาคตะวันตกไปยังภาคตะวันออก ซึ่งเป็นเส้นทางเศรษฐกิจสำคัญของประเทศในอนาคต และเพื่อรองรับการขยายเขตอุตสาหกรรมในพื้นที่อำเภอบึงสามพันและพื้นที่ใกล้เคียง
- การดูแลสังคมและชุมชน ได้สร้างความรู้ความเข้าใจในการทำเหมืองแร่ให้กับภาคประชาชนโดยรอบ พร้อมทั้งดำเนินโครงการตรวจเฝ้าระวังสุขภาพของประชาชนโดยรอบเหมืองแร่ มีการจัดตั้งโรงผลิตน้ำดื่มสะอาดให้กับชุมชน เป็นต้น
- การรักษาสิ่งแวดล้อม ได้ทำเหมืองแบบขั้นบันได้เพื่อลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นละอองและลดเสียงรบกวนโดยมีเวลาการระเบิดหินตามช่วงเวลาที่กำหนด มีการติดตั้งหัวสเปรย์ฉีดพ่นน้ำแบบฝอยละอองเพื่อดักจับฝุ่นละอองที่ฟุ้งกระจายมีความสูง 6 เมตร จำนวน 27 ต้น ระยะห่างระหว่างต้น 5 เมตร มีการก่อสร้างกำแพงกันฝุ่นและเสียงความยาว 510 เมตร สูง 5 เมตร และมีการปลูกต้นไม้ตามแนวกำแพงฝุ่นและป้องกันเสียงรอบโรงงาน
- การกระจายรายได้สู่ชุมชน ได้สร้างอาชีพให้กับชุมชนโดยให้การสนับสนุน ส่งเสริม และพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของชุมชน อาทิ ไม้กวาดรีไซเคิลจากขวดพลาสติก ตะกร้าสาน พรมเช็ดเท้าจากเศษผ้า เป็นต้น