HomeBT Newsสรุปข่าวธุรกิจภายในประเทศ ภาคเย็น 10 กุมภาพันธ์ 2566

สรุปข่าวธุรกิจภายในประเทศ ภาคเย็น 10 กุมภาพันธ์ 2566


FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า เข้าสู่เกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก”

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า หรือเดือนเมษายน 2566 อยู่ที่ระดับ 160.07 ปรับเพิ่มขึ้น 31.5% จากเดือนก่อนหน้าเข้าสู่เกณฑ์ “ร้อนแรงอย่างมาก” จากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นมากที่สุด รองลงมาคือเงินทุนไหลเข้าและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ


สำหรับปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ได้แก่ สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ นโยบายการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และการประกาศจัดเก็บภาษีธุรกิจเฉพาะจากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นนักลงทุนทุกกลุ่มปรับเพิ่มขึ้น โดยนักลงทุนบุคคลปรับเพิ่ม 29.8% อยู่ที่ระดับ 166.67 กลุ่มบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ปรับเพิ่ม 60.4% อยู่ที่ระดับ 137.50 กลุ่มนักลงทุนสถาบันในประเทศปรับเพิ่ม 42.1% อยู่ที่ระดับ 150.00 และกลุ่มนักลงทุนต่างชาติปรับเพิ่ม 28.0% อยู่ที่ระดับ 160.00

- Advertisement -


สรรพากรเจอทุจริตขอคืนภาษีอื้อ เพิ่มเกณฑ์ตรวจสอบเข้มข้น

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร กล่าวถึงการคืนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจะมีการตรวจสอบรายละเอียดมากขึ้น โดยจะมีการเพิ่มเกณฑ์การตรวจสอบเอกสารในการขอคืนภาษีมากขึ้นสำหรับกลุ่มที่มีสัญญาณความเสี่ยง เนื่องจากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตรวจสอบพบว่ามีการทุจริตในการยื่นขอคืนภาษีจำนวนหนึ่ง ซึ่งก็ได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนเรียบร้อยแล้ว


โดยปีนี้มีการเพิ่มเกณฑ์สำหรับกลุ่มที่มีความเสี่ยงในการขอคืนภาษีเข้าไป เพราะก่อนหน้านี้มีการตรวจเจอแล้ว และจับได้แล้วว่ามีการทุจริตในการยื่นขอคืนภาษี เนื่องจากที่ผ่านมามีกระบวนการในการยื่นและคืนภาษีค่อนข้างเร็ว ทำให้มีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้น แต่คงบอกไม่ได้ว่าเป็นการทุจริตแบบใด ดังนั้นปีนี้หากผู้ที่ยื่นขอคืนภาษีแล้ว 7 วันยังไม่ได้คืนภาษี ก็แปลว่าอาจจะมีสัญญาณอะไรในตัวผู้ยื่น จากปกติที่ยื่นภาษีแล้วจะได้คืนภาษีภายใน 3 วัน โดยปัจจุบันมีผู้อยู่ในฐานภาษี 11 ล้านราย เป็นผู้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้ 4 ล้านราย โดยในจำนวนนี้กว่า 90% เป็นการยื่นผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์


DITP ดันส่งออกปีนี้โต 1-2% เจาะ 4 ตลาดศักยภาพ เพิ่มเอเชียกลาง นอร์ดิก

          นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) ประเมินอัตราการขยายตัวของการส่งออกในปี 2566 ไว้ที่ 1-2% คิดเป็นมูลค่า 10 – 10.1 ล้านล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 หลังจากยกเลิกมาตรการโควิดเป็นศูนย์ การเปิดเส้นทางรถไฟลาว-จีน ตลอดจนค่าระวางเรือมีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง และข้อกังวลเรื่อง Food Security ของประเทศต่างๆ ส่งผลบวกต่อการส่งออกสินค้าอาหารของไทย


สำหรับไฮไลท์ของการทำงานในปีนี้ ซึ่งได้หารือร่วมกันกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด โดยกรมจะเร่งรัดจัดกิจกรรมใน 4 ตลาดศักยภาพ ได้แก่ ตะวันออกกลาง เอเชียใต้ CLMV และจีน โดยจะจัดกิจกรรมในหลายรูปแบบ ทั้งการจัดงานแสดงสินค้าไทย จัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ผลักดันค้าขายออนไลน์ โดยมีแผนเจาะตลาดศักยภาพใหม่ๆ ในเอเชียกลาง 5 ประเทศ ได้แก่ คาซัคสถาน อุซเบกิซสถาน เติร์กเมนิสถาน ทาจิกิสถาน และคีร์กีซสถาน ตลาดใหม่ที่น่าสนใจอีกแห่ง คือ ตลาดนอร์ดิก ได้แก่ เดนมาร์ก ฟินแลนด์ ไอซ์แลนด์ นอร์เวย์ และสวีเดน ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศกำลังซื้อสูง และเป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าไทยไปสู่สหภาพยุโรป โดยจะเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ประกอบการไทยเพื่อต่อยอดสู่การจัดกิจกรรมเจรจาการค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ต่อไป


ธอส.ปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากสูงสุด 0.40% ต่อปี 

นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.25% ต่อปี เป็น 1.50% ต่อปี ทางคณะกรรมการบริหารสินทรัพย์ หนี้สิน และการเงิน (ALCO) ของ ธอส. จึงได้มีมติให้ธนาคาร ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ทั้งประเภทมีสมุดคู่ฝาก เงินฝากประจำ และใบรับเงินฝากประจำ 0.25 – 0.40% ต่อปี


โดยเงินฝากประเภทที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่ 0.40% ต่อปี คือ เงินฝากประจำและใบรับเงินฝากประจำประเภท 2 ปี, 3 ปี และ 5 ปี ปรับเพิ่มขึ้นเป็น 1.60% ต่อปี ซึ่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากในครั้งนี้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเงินฝากที่ได้รับประโยชน์ทั้งบุคคลธรรมดา คณะบุคคล ห้างหุ้นส่วนสามัญ และนิติบุคคล เป็นต้น


หุ้นไทยปิดลบ 4.60 จุด รับแรงขาย DELTA-MAKRO 

SET ปิดวันนี้ที่ 1,664.57 จุด ลดลง 4.60 จุด (-0.28%) มูลค่าการซื้อขาย 58,917.38 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯ มองตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับลงรับแรงกดดันขายหุ้น DELTA และ MAKRO ฉุดดัชนีราว 3 จุดจากปัจจัยเฉพาะตัว ดัชนีเคลื่อนไหวแดนลบตลอดวัน โดยทำจุดสูงสุด 1,668.97 จุด และต่ำสุด 1,660.10 จุด ขณะที่บรรยากาศลงทุนตลาดเอเชียเป็นลบตามตลาดหุ้นสหรัฐร่วงหลัง Bond Yield เด้ง แม่มีแรงซื้อกลุ่มสื่อสารช่วยประคอง downside หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ คือ

BANPU มูลค่าการซื้อขาย 4,216.44 ล้านบาท ปิดที่ 10.90 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 3,282.03 ล้านบาท ปิดที่ 206.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท

SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,971.18 ล้านบาท ปิดที่ 100.50 บาท ลดลง 2.00 บาท

BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,870.47 ล้านบาท ปิดที่ 164.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,537.56 ล้านบาท ปิดที่ 143.00 บาท ลดลง 1.50 บาท

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News