HomeBT Newsสรุปข่าวธุรกิจภายในประเทศ ภาคเช้า 10 กุมภาพันธ์ 2566

สรุปข่าวธุรกิจภายในประเทศ ภาคเช้า 10 กุมภาพันธ์ 2566

บีทีเอส กรุ๊ปฯ คว้าอันดับ 1 ด้านความยั่งยืนกลุ่มอุตสาหกรรมคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานระดับโลก

บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ บีทีเอส กรุ๊ปฯ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนโดยได้รับการประกาศให้เป็นบริษัทด้านธุรกิจคมนาคมที่มีความยั่งยืนเป็นอันดับ 1 ของโลกเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน โดยถือเป็นบริษัทในกลุ่มผู้นำ 1 % แรกของกลุ่มอุตสาหกรรมคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม ซึ่งประกาศในรายงาน S&P Global Sustainability Yearbook ประจำปี 2023


รายงาน The Sustainability Yearbook ประจำปี 2023 จัดทำโดย S&P Global เป็นการประเมินผลการดำเนินงาน ตามกรอบการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนในด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) โดยมีการประเมินกว่า 7,800 บริษัทจาก 61 อุตสาหกรรมทั่วโลก สำหรับเกณฑ์ในการพิจารณาเพื่อประกาศรายชื่อบริษัทในรายงาน The Sustainability Yearbook บริษัทต่าง ๆ จะต้องได้รับคะแนนประเมิน S&P Corporate Sustainability Assessment (CSA) อยู่ในกลุ่ม 15% แรกของอุตสาหกรรมเดียวกันและอยู่ในกลุ่ม 30% แรกของผู้นำในกลุ่มอุตสาหกรรม จากบริษัทกว่า 708 แห่งที่ได้รับการประกาศรายชื่อด้านความยั่งยืนในรายงาน The Sustainability Yearbook ประจำปี 2023 มีบริษัทจากประเทศไทยจำนวน 37 บริษัท โดยบีทีเอส กรุ๊ปฯ ได้รับคะแนนการประเมินด้าน ESG เป็นอันดับ 1 จากจำนวน 25 อันดับในกลุ่มอุตสาหกรรมคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม

- Advertisement -

ความสำเร็จจากการได้รับประกาศในรายงานของ S&P Global Sustainability Yearbook ประจำปี 2023 ถือเป็นเครื่องพิสูจน์ความเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนในระดับโลกและสะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินงานภายใต้กรอบการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืนที่รักษาความเป็นองค์กรปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ควบคู่กับการดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ 3M : MOVE, MIX และ MATCH และเชื่อว่า ความร่วมมือกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมจะเป็นแรงผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนเพื่อการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น รวมถึงช่วยเพื่อยกระดับการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อความยั่งยืนของประเทศต่อไป


RCEP ดันการค้าไทยกับประเทศสมาชิกพุ่ง 10 ล้านล.ภายในปีเดียว

​            นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พอใจผลบังคับใช้ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership : RCEP) ซึ่งได้มีผลบังคับใช้ครบ 1 ปี ส่งผลให้การค้าของไทยกับประเทศสมาชิก RCEP อาทิ อาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ขยายตัว 7.11% จากปีก่อนหน้า


โดยมีมูลค่าการค้ารวม 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 10 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นการส่งออกจากไทยไปประเทศสมาชิก RCEP มูลค่า 1.4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (4.8 ล้านล้านบาท) โดยประเทศอาเซียน คือ อินโดนีเซีย กัมพูชา และสิงคโปร์ เป็นตลาดส่งออกอันดับต้น รองลงมาเป็น เกาหลีใต้ และออสเตรเลีย และการนำเข้าจากประเทศสมาชิก RCEP มูลค่า 1.6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (5.7 ล้านล้านบาท) ขณะที่ไทยนำเข้าสินค้าจากบรูไนดารุสซาลาม ออสเตรเลีย และเมียนมา เป็นอันดับต้น


ตลาดบ้านมือสองคึกคัก ประกาศขายพุ่งตอบรับดีมานด์

DDproperty ระบุ ขณะที่เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงรอการฟื้นตัวจากปัจจัยบวกต่าง ๆ ที่เข้ามากระตุ้นในปี 2566 แต่กำลังซื้อผู้บริโภคในตลาดที่อยู่อาศัยนั้นยังคงต้องการมาตรการภาครัฐที่เข้ามาสนับสนุนการตัดสินใจซื้อในช่วงเวลาที่ท้าทายเช่นนี้ หลังผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เผยทิศทางปรับขึ้นราคาโครงการที่อยู่อาศัยที่ก่อสร้างใหม่ ส่งผลให้ที่อยู่อาศัยมือสองกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่อยากเป็นเจ้าของอสังหาฯ ในเวลานี้ 


ข้อมูลจากศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (REIC) เผยว่า ณ สิ้นไตรมาส 4 ปี 2565 ตลาดที่อยู่อาศัยมือสองมีการประกาศขายเพิ่มขึ้น 13.4% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มีการขยายตัวในกลุ่มราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท สอดคล้องกับการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมือสองในช่วง 11 เดือนของปี 2565 ที่มีอัตราขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากในกลุ่มราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทเช่นกัน ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และค่าจดจำนองสำหรับที่อยู่อาศัยในราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมทั้งที่อยู่อาศัยมือหนึ่งและมือสอง ในช่วงที่ผ่านมาผู้ขายและนักลงทุนที่มีสินค้าในมือจึงนำที่อยู่อาศัยมือสองมาประกาศขายมากขึ้น เพื่อให้ตอบรับดีมานด์ที่มีในตลาดตอนนี้


ม.หอการค้า เผย 5 ปัจจัยลบคนไทยกังวลมากที่สุด ท่ามกลางดัชนีความเชื่อมั่นเดือน ม.ค.สุดพีค

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.66 อยู่ที่ระดับ 51.7 เพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 นับตั้งแต่ พ.ค.65 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 26 เดือนนับตั้งแต่ ธ.ค.63 โดยมีปัจจัยบวกที่สำคัญ คือ 1.มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ ที่มอบเป็นของขวัญปีใหม่ 66 แก่ประชาชน เช่น มาตรการช้อปดีมีคืน, มาตรการลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง, มาตรการช่วยเหลือผู้กู้ยืมเงิน 2.นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากขึ้น โดยเฉพาะจีนภายหลังจากการเปิดประเทศ 3.ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดี เช่น ข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น และช่วยเพิ่มกำลังซื้อในต่างจังหวัด 3.เงินบาทปรับตัวแข็งค่า


สะท้อนถึงการไหลเข้าสุทธิของเงินตราต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยลบที่ลดทอนความเชื่อมั่น ได้แก่ 1.ผู้บริโภคยังรู้สึกว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวช้า และรายได้ยังไม่สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น 2.คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.25% 3. กระทรวงการคลัง ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 66 เหลือโต 3.0% จากเดิมคาด 3.4% จากผลของการส่งออกไทยที่หดตัวต่อเนื่องหลายเดือน 4.ความกังวลสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ที่จะกระทบต่อราคาน้ำมันโลก และต้นทุนสินค้า 5.กังวลต่อปัญหาระบาดโควิด-19 ที่ยังมีการแพร่ระบาด


แนวโน้มหุ้นไทยวันนี้ ลุ้นดัชนีฯรีบาวด์ตามตลาดต่างประเทศ

นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้ (10 ก.พ.) ลุ้นดัชนีฯรีบาวด์ตามตลาดต่างประเทศ ให้แนวรับไว้ที่ 1,660 จุด และแนวต้าน 1,675-1,680 จุด ขณะที่สถานการณ์เมื่อวานนี้ (9 ก.พ.) SET ปิดที่ 1,669.17 จุด ลดลง 1.17 จุด (-0.07%) มูลค่าการซื้อขาย 63,487.16 ล้านบาท


โดยดัชนีฯ ช่วงเช้าลบไปกว่า 10 จุด ก่อนจะฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ในช่วงบ่าย หลังจากแรงซื้อกลับในหุ้นขนาดใหญ่หลายตัว โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ อย่าง KBANK, ค้าปลีก อย่าง CPALL และ ADVANC ซึ่งมีปัจจัยเฉพาะตัวจากอยู่ระหว่างศึกษาตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ทำให้หนุน SET ช่วงบ่ายกลับมาอยู่ในแดนบวกได้เล็กน้อย โดยทำจุดสูงสุด 1,672.09 จุด และต่ำสุด 1,656.74 จุด

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News