รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ชี้การทรานส์ฟอร์มประเทศ ต้องหายุทธศาสตร์พัฒนาอย่างยั่งยืน แนะเร่งพัฒนาบุคลากรเป็นหัวใจสำคัญที่สุดในการยกระดับประเทศ คนรุ่นเก่าปรับตัวตามเทคโนโลยี และทักษะ เพื่อสามารถสร้างการแข่งขันในยุคเทคโนโลยีเปลี่ยนผ่านรุนแรง
นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในงาน Dinner Talk หัวข้อ “Thailand Transformation ทีมเศรษฐกิจรัฐบาล ร่วมเดินหน้าประเทศไทย” ในโอกาสเปิดตัวแพลตฟอร์มสื่อธุรกิจ Business Today ว่า สถานการณ์ปัจจุบันนับว่าเป็นโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง ดิสรัปชั่นสิ่งต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี, มุมมองและโลกทัศน์ของคนรุ่นใหม่
จึงเป็นเหตุผลที่เราทุกคนจำเป็นต้องรีสกิลของตนเองให้เข้ากับยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ขณะเดียวกันเรายังต้องถามตัวเองอยู่เสมอว่าอยากเห็นประเทศไทยเดินหน้าต่อไปอย่างไร ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งที่ผ่านมากว่า 30 ปี นับว่าประเทศไทยมีผลงานการเติบโตของเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดีมาโดยตลอด
หากย้อนไปเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เป็นยุคที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่การเปลี่ยนแปลงทางอุตสาหกรรม เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นเริ่มเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ทำให้เกิดยุคอุตสาหกรรมเฟื่องฟูในประเทศไทย จนถึงยุคปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ทำให้เราต้องถามตัวเองว่าจะปรับตัวอย่างไร
ขณะเดียวกัน ยังนับว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่โชคดีอยู่พอสมควร เนื่องจากเราเป็นประเทศที่มีทรัพยากรและกำลังคนที่ดี แต่ปัญหาคือ เราจะทำอย่างไรให้ประเทศปรับเปลี่ยนและก้าวทันโลก โดยการใช้ทรัพยากรที่เรามีอยู่ให้เกิดประโยชน์มากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบันประเทศไทยมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ 25 ปี ซึ่งเป็นการวางแผนในระยะยาว และเป็นแนวทางที่ให้คนไทยและนักลงทุนต่างชาติได้เห็นภาพว่าประเทศไทยมีวิสัยทัศน์อย่างไร ซึ่งในอนาคตอาจต้องมีการปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งสำคัญคือเราต้องหายุทธศาสตร์ที่ชัดเจนในการพัฒนาประเทศหรือไม่ และหาวิธีการที่จะทำให้เราสามารถก้าวหน้าได้อย่างยั่งยืน นี่จึงเป็นหัวใจสำคัญของการทรานฟอร์มประเทศ
อีกหนึ่งสิ่งสำคัญในการพัฒนาประเทศคือ เราต้องปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อให้ระบบเศรษฐกิจเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งถ้าเรามีการเปลี่ยนวิธีการหรือแนวคิดจากเดิมให้มีการต่อยอดต่อไป จะทำให้เราสร้างความเติบโตให้กับประเทศได้ เราอาจไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรจากเดิมมากนัก เช่นการส่งออกเป็นหัวใจสำคัญของประเทศ โดยที่เราอาจยังพึ่งพาการส่งออกเป็นหลักต่อไป แต่ต้องตั้งคำถามว่าเราจะส่งออกอะไรที่สามารถสร้างกำไรให้กับประเทศได้มากกว่าเดิม
ทั้งนี้ ตนเองเชื่อว่าประเทศไทยยังคงเติบโตได้อย่างมีประสิทธิภาพ และการเติบโตของเศรษฐกิจต้องเติบโตแบบกระจายตัวเพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเศรษฐกิจในประเทศต้องมีความเข้มแข็งมากเพียงพอ เพื่อที่จะสามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าว
นอกจากนี้ ยังมีความท้าทายอีกเรื่องคือ ขีดความสามารถในการแข่งขันในเวทีระดับโลก ล่าสุด WEF จัดอันดับให้ประเทศไทยมาอยู่ในอันดับที่ 33 ของโลก แต่ประเทศอื่นก็ไล่หลังเรามาติดๆ เช่นกัน อาทิเวียดนาม, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ประเทศไทยจึงอยู่เฉยไม่ได้ ต้องปรับเปลี่ยนทรานส์ฟอร์ม ใช้เครื่องมือใหม่ๆ เข้ามาช่วย เรื่องดิจิทัลก็จำเป็นที่ต้องเร่งสร้างให้ทุกภาคส่วน เพื่อให้การเติบโตในประเทศเป็นไปอย่างสมดุล
เราต้องทำให้เศรษฐกิจไทยมีกำลังซื้อสูงๆ และต้องทำให้คนไทยสะสมความมั่งคั่งในประเทศให้ได้ เพื่อที่เราจะไม่ต้องพึ่งพาเศรษฐกิจต่างประเทศมากจนเกินไป ประเด็นสำคัญที่จะทำให้เกิดขึ้นคือการลงทุน โดยเราจำเป็นต้องลงทุนขนาดใหญ่ ซึ่งจะเป็นโอกาส และต้องเป็นการลงทุนในเชิงยุทธศาสตร์ เช่นลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ, เทคโนโลยี อุตสาหกรรมและการบริการ และการลงทุนที่สำคัญที่สุดคือการลงทุนในบุคลากรของประเทศ หากมีคนที่มีศักยภาพและมีทักษะที่ดีจะเป็นจุดขับเคลื่อนประเทศที่สำคัญ
เราจำเป็นต้องเดินหน้าสร้างบุคลากรที่มีทักษะใหม่ๆ ขึ้นมา ขณะเดียวกันคนรุ่นเก่าก็ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรม และต้องเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน ซึ่งบุคลากรเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการยกระดับประเทศ และรัฐบาลพร้อมจะเปิดทางในการสนับสนุนในเรื่องการพัฒนาทรัพยากรบุคคลอย่างเต็มที่
กล่าวโดยสรุปคือการทรานส์ฟอร์เมชั่นประเทศที่สมบูรณ์แบบ จะต้องมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน, เทคโนโลยี, บุคลากรในประเทศ พร้อมปรับเปลี่ยนกฎหมายให้เอกชนสามารถปรับตัวและสามารถแข่งขันได้อย่างเป็นธรรม โดยสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นหัวใจของการทรานส์ฟอร์มให้ประเทศยกระดับอย่างยั่งยืน
