ตลาดหลักทรัพย์ฯ ชี้แจงกรณีหุ้นไทยวันนี้ร่วงแรงกว่า 6% เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดิบขาลง ชี้ยังส่งผลดีกับเศรษฐกิจภาพใหญ่ ยันไม่ต้องใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากมติการประชุมของ กลุ่ม OPEC และ NON OPEC ซึ่งมีมติไม่ลดการผลิตน้ำมันดิบ ทำให้ราคาน้ำมันดิบจากที่เคยอยู่ระดับประมาณ 50 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ ประมาณ 30 เหรียญสหรัฐฯต่อบารร์เรล ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลงถ้วนหน้า เช่นออสเตรเลีย เอเชีย ส่วนหุ้นไทยลดลง 6% ขณะที่ยุโรปต้องรอดูสถานการณ์หลังเปิดตลาดวันนี้
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยเป็นผู้นำเข้าน้ำมันดิบ โดยนำเข้าทั้งหมดมูลค่า 660,633 ล้านบาท ดังนั้นการปรับลดราคาน้ำมันจึงเป็นผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจในภาพใหญ่ บริษัทจดทะเบียนที่มีน้ำมันและปิโตรเลียม inventory ได้รับผลกระทบจากการตีราคามูลค่า inventory ในระยะสั้นเท่านั้น
นอกจากนี้ ยังพบว่าดัชนีที่ปรับลดลงในวันที่ 9 มีนาคม 2563 ลดลงมาจากการตีราคามูลค่านี้เป็นหลักโดย ณ สิ้นปี 2562 บริษัทจดทะเบียนที่มีน้ำมันและปิโตรเคมี inventory มูลค่า 424,741 ล้านบาท ช่วงสุดสัปดาห์ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง 32% ทำให้การตีมูลค่าน้ำมันและปิโตรเคมี inventory มูลค่าลดลง 135,917 ล้านบาท ในขณะมูลค่าของบริษัทจดทะเบียน น้ำมันและปิโตรเคมี inventory ลดลง 100 ล้านบาทในช่วงเช้าวันที่ 9 มีนาคม 2563
ขณะเดียวกัน ในสภาวะตลาดหุ้นมีความผันผวน นักลงทุนต้องติดตามข่าวสาร และอ่านบทวิเคราะห์จากผลกระทบที่เกิดขึ้น ซึ่งทุกครั้งที่มีผลกระทบเกิดขึ้นกับตลาดหุ้นมักมีทั้งโอกาส และอุปสรรค โดยช่วงที่ราคาหุ้นลงมาก จะเป็นโอกาสในการเพิ่มการลงทุน แต่นักลงทุนต้องกระจายความเสี่ยง ด้วยการลงทุนหลายสินทรัพย์และลงทุนในหลายประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ประเมินว่าสถานการณ์ขณะนี้ยังไม่อยู่ในเกณฑ์วิกฤติ โดยที่ยังไม่ต้องใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์
อ่านข่าวอื่น หุ้นไทยปิดเที่ยง 1,272.20 จุด ลด 6.77% รายย่อยซื้อสวนสถาบัน 4.8 พันล้านบาท