‘บล.เอเซีย พลัส’ แนะ ลงทุน 6 หุ้น กลาง-เล็ก ‘ASK-DOHOME-INSET-MTC-NOBLE-STGT’ เตือนหุ้นใหญ่เสี่ยงถูกเทขาย เหตุสถาบันปรับพอร์ตจองซื้อหุ้น IPO ของ SCGP หวั่นเม็ดเงิน LTF ปลายปีแผ่ว
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส เปิดเผยว่า สำหรับการลงทุนในไตรมาส 4/63 ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส แนะนำการลงทุนในหุ้นขนาดกลาง-เล็ก รวมถึงหุ้นที่ผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกยังแข็งแกร่งแม้ได้รับกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และแนวโน้มผลประกอบการครึ่งปีหลังยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง
โดยได้คัดเลือกหุ้นเด่นทั้งหมด 6 ตัวที่ราคาหุ้นยังมีโอกาสปรับขึ้น (Upside) และให้อัตราเงินปันผล (Dividend Yield) ประมาณ 3-4% ได้แก่
ASK ราคาเป้าหมาย 25.00 บาท
NOBLE ราคาเป้าหมาย 22.70 บาท
STGT ราคาเป้าหมาย 100.00 บาท
INSET ราคาเป้าหมาย 4.18 บาท
MTC ราคาเป้าหมาย 57.00 บาท
DOHOME ราคาเป้าหมาย 15.00 บาท
ขณะที่หุ้นขนาดใหญ่แนะนำหลีกเลี่ยงลงทุน เนื่องจากได้รับปัจจัยกดดันจากการปรับพอร์ตของนักลงทุนสถาบันเพื่อเตรียมเม็ดเงินถึง 2.3 หมื่นล้านบาท จองซื้อหุ้น IPO ของ บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) โดยบริษัทฯ มีมูลค่าธุรกิจประมาณ 1.4-1.5 แสนล้านบาท มากกว่ามูลค่าตามราคาตลาด (Market Cap) ของตลาดหุ้นไมยประมาณ 1%
นอกจากนี้ การกลับมาใช้เกณฑ์การขายชอร์ต (Short Sale) รวมถึงเกณฑ์ราคาสูงสุด-ต่ำสุด (Ceiling Floor) เป็นอีกแรงกดดันแก่หุ้นขนาดใหญ่เช่นกัน
และปัจจัยสุดท้ายมาจากฟันด์โฟลว์ หรือกระแสเงินที่ไหลเข้าออกในตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน พบว่า นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยทุกเดือน โดยคิดเป็นยอดการขายสุทธิล่าสุด -2.83 แสนล้านบาท ขณะที่นักลงทุนสถาบันเป็นกลุ่มที่ซื้อสุทธิประคองตลาดหุ้นในช่วงที่ผ่านมาที่ 7.08 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในอดีตเม็ดเงินจากนักลงทุนสถาบันจะไหบเข้าตลาดหุ้นไทยจากผ่านกองทุน LTF เป็นหลักประมาณปีละ 3-5 หมื่นล้านบาท ดังนั้น ในปีที่สิ้นสุดการให้สิทธิภาษีกองทุน LTF คาดว่ามีความเสี่ยงที่นักลงทุนสถาบันจะขาดแรงซื้อในระยะถัดไป ซึ่งกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่เป็นเป้าหมายการลงทุนจะมีความเสี่ยงได้รับผลกระทบไปด้วย