ในยุคที่เทคโนโลยีท่วมท้น และดูเหมือนผู้คนนิยมอยู่หน้าจอแทบเลต คอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟน มากกว่าจออื่นๆ แต่ในเรื่องของการอ่านหนังสือนั้น หนังสือที่เป็นเล่มๆ ที่ผู้คนสามารถสัมผัสจับต้องได้ ยังมียอดขายมากกว่า e-book
สถานการณ์ที่พูดถึงข้างต้น รวมถึงในสหรัฐ ที่หากไปถามคนอเมริกันว่าชอบอ่าน e-book หรือหนังสือเป็นเล่มๆ คำตอบที่ได้อาจสร้างความประหลาดใจ เพราะสำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว หนังสือเล่มๆ แบบเดิมยังครองใจพวกเขา
รายงานประจำปี 2562 ของสมาคมสำนักพิมพ์แห่งสหรัฐ เปิดเผยว่าบรรดาสำนักพิมพ์ที่พิมพ์หนังสือทุกประเภทในสหรัฐ มีรายได้เกือบ 26,000 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 780,000 ล้านบาทเมื่อปีที่แล้ว โดยฉบับปรินท์หรือหนังสือเป็นเล่มทำรายได้ถึง 22,600 ล้านดอลลาร์ (678,000 ล้านบาท) ส่วน e-book มีรายได้ 2,040 ล้านดอลลาร์ (61,000 ล้านบาท) ตัวเลขนี้รวมถึงหนังสือประเภทการค้า การศึกษา และหนังสืออ่านเล่นเพื่อความบันเทิง
ผู้บริหารสมาคมผู้จำหน่ายหนังสือแห่งอังกฤษ ชี้ว่าแม้สื่อดิจิทัลเข้ามา disrupt อุตสาหกรรมอื่นๆ อย่างหนังสือพิมพ์และธุรกิจเพลง แต่คนยังชื่นชอบที่จะจับจองหนังสือเป็นเล่มๆ
ผู้บริหารสมาคมผู้จำหน่ายหนังสือแห่งอังกฤษ มองว่าฟองสบู่ e-book ได้แตกออกแล้ว เห็นได้จากยอดขายที่ทรงๆ ขณะที่หนังสือเป็นเล่มๆ มีความดึงดูดใจมากกว่า และบรรดาสำนักพิมพ์ต่างพากันทำหนังสือที่น่าซื้อหาออกมา ไล่ตั้งแต่การออกแบบปก
ตัวแทนจากสมาคมผู้จำหน่ายหนังสือของอังกฤษ ยังมองว่าเหตุที่คนชื่นชอบหนังสือเป็นเล่ม เพราะสามารถวางโชว์ได้ว่าอ่านเล่มไหนแล้วมั่ง นอกจากนั้น หนังสือยังเป็นของตกแต่งบ้านได้ด้วย แล้วยังมีหนังสือที่สามารถเก็บเป็นคอลเลคชันได้อีก คนจำนวนมากเป็นนักอ่านตัวยงและตามซื้อหนังสือชุดที่พวกเขารักชอบ การมีหนังสือเล่มโปรดวางเรียงบนชั้นหนังสือถือเป็นสเน่ห์อย่างหนึ่งของบ้าน และบอกตัวตนคนอ่านได้ด้วย
Nielsen Book International ระบุว่า หนังสือประเภทที่ขายดีในเวอร์ชันปรินท์ หรือแบบรูปเล่ม รวมถึงหนังสือเกี่ยวกับธรรมชาติ การทำอาหาร และหนังสือเด็ก ส่วนหนังสือนิยายประเภทอาชญากรรม สืบสวนสอบสวน และนิยายรักหวานแหวว ได้รับความนิยมบน e-reader
ทั้งนี้ แอมะซอนได้เปิดตัวเครื่องอ่านหนังสือ “Kindle” มากว่า 10 ปีแล้ว แต่ผู้บริหารสมาคมผู้จำหน่ายหนังสือของอังกฤษมองว่าคนไม่อยากอยู่หน้าจอมากเกินไป เลยเลือกอ่านหนังสือ นอกจากนั้น หนังสือเป็นเล่มยังสร้างความผูกพันทางอารมณ์ได้มากกว่าการอ่านบน e-reader
บางคราวมีการระบุว่าคนยุคมิลเลนเนียลทำให้หลายอุตสาหกรรมต้องล้มหายตายจากไป แต่จริงๆ แล้วกลุ่มคนอายุไม่มากนักนี่เอง ที่หาอ่านหนังสือ เพราะข้อมูลของ Nielsen Book International ระบุว่า 63% ของยอดขายหนังสือเป็นเล่มๆ ในอังกฤษ เป็นการขายให้คนอายุต่ำกว่า 44 ปี และ 52% ของยอดขาย e-book เป็นการขายให้คนอายุมากกว่า 45 ปี
สภาพการณ์ในสหรัฐก็คล้ายๆ กัน เพราะ Pew Research เปิดเผยว่าคนอายุ 18-29 ปีจำนวนถึง 75% ระบุว่าอ่านหนังสือเป็นเล่มๆ เมื่อปี 2560
ผู้บริหารของ London Book Fair มองอนาคตของหนังสือว่า จะยังเป็นที่ต้องการในทุกรูปแบบ เพราะคนอยากหาความรู้ใหม่ๆ รวมถึงอยากอ่านเรื่องราวต่างๆ จึงมองได้ว่าอุตสาหกรรมหนังสือค่อนข้างแข็งแกร่ง