“เพื่อไทย-ภูมิใจไทย”รวมเสียงตั้งรัฐบาล ตั้งต้น 212 เสียง เดินหน้าหาเสียง สส.-สว. เพิ่ม
วานนี้ (8 ส.ค.) ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยอนุทิน ชาญวีกุล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ร่วมกันแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลโดยอนุทิน กล่าวว่า ตนขอขอบคุณผู้บริหารพรรคเพื่อไทยที่ได้ให้เกียรติ และประสานงานให้มาพบ เพื่อมาหารือการจัดตั้งรัฐบาล

โดยพรรคภูมิใจไทยตอบรับคำเชิญของพรรคเพื่อไทย ในการจัดตั้งรัฐบาล โดยพรรคภูมิใจไทยเคยมาหารือและยืนยันว่าไม่ขัดข้องในการจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย โดยมีหลักการ 3 ประการ 1.ไม่แตะต้องม.112 2.ไม่จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย 3.หากไม่มีพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาล
ได้รับทราบจากพรรคเพื่อไทยว่าแนวทางทั้ง 3 พรรคเพื่อไทยเห็นพ้องในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นนับจากวันนี้เพื่อให้การขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้า พรรคภูมิใจไทยได้ให้คำยืนยันกับพรรคเพื่อไทยว่า หากยังไม่เชิญพรรคอื่นมาหารือ ก็ให้ถือว่ามี 212 เสียง มาจากพรรคเพื่อไทย 141 เสียง และพรรคภูมิใจไทย 71 เสียง เมื่อมีการเชิญพรรคอื่นตามดุลยพินิจของพรรคเพื่อไทย การพูดคุยหารือจะได้มีความมั่นใจว่าในขั้วนี้เราจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ พรรคร่วมรัฐบาลมี สส. เกินกึ่งหนึ่งแล้วอย่างแน่นอน
โดยทั้งสองพรรคที่รวมกันจะร่วมกันหาเสียงสนับสนุนจาก สส. แล สว. เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งส่วนเรื่องการเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี พรรคภูมิใจไทยจะปฏิบัติตามข้อเสนอของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้ผ่านการคัดเลือกของสมาชิกรัฐสภา
“อนุทิน”ถอนฟ้อง “เศรษฐา” คดีปราศรัยโจมตีนโยบายกัญชามอมเมาประชาชน
อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ตอบคำถามผู้สื่อข่าวภายหลังการแถลงข่าวร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยว่ากรณีพรรคภูมิใจไทยเคยฟ้องเศรษฐา ทวีสิน กรณีที่ปราศรัยโจมตีนโยบายกัญชาว่ามอมเมาประชาชนนั้นตนได้ถอนฟ้องออกไปแล้ว

เมื่อถามว่า ส่วนแคนดิเดตนายกฯยังเป็นเศรษฐา ทวีสิน อยู่หรือไม่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ระบุว่าสื่อได่รับรู้ทั่วไปว่าเป็นเช่นนั้น และยืนยันว่ายังเป็นเศรษฐาอยู่
เมื่อถามว่า จะให้ความมั่นใจได้อย่างไรว่าพรรคเพื่อไทยกับพรรคภูมิใจไทย จับมือด้วยกันไปได้ตลอด ถ้าเทียบการจับมือของพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ในช่วงที่ผ่านมา นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การตั้งรัฐบาลมีข้อกำจัดตามรัฐธรรมนูญที่ไม่ยึดเอาเสียงของประชาชนเป็นหลัก เพราะการเลือกนายกฯต้องอาศัยเสียง สว. ทำให้ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลจากพรรคก้าวไกลได้ เพราะเราไม่ได้เสียงสนับสนุนจาก สว. และพรรคการเมืองอื่นๆ ไม่เกี่ยวกับความเชื่อมั่นของประชาชน
ส่วนการจับมือกับพรรคภูมิใจไทยนั้น พรรคภูมิใจไทยได้เสียงจากประชาชนมาเป็นอันดับสาม และพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย มีเสียงสนับสนุนจากประชาชน ถือเป็นความเชื่อมั่นในระดับหนึ่ง เราเชื่อมั่นในการจับมือกับพรรคภูมิใจไทยว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนได้ เชื่อมั่นว่าจับมือกับพรรคภูมิใจไทยมีโอกาสสูงที่จะจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ
“พิพัฒน์” เปิดใจปะทะคารมม็อบ ชี้จำเป็นต้องเดินหน้าตั้งรัฐบาล
พิพัฒน์ รัชกิจประการ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 ส.ค.ที่ไม่สามารถเดินทางออกจากพรรคเพื่อไทยได้ เนื่องจากกลุ่มทะลุวังปิดล้อมทางเข้าออก และมีแกนนำเข้ามาด่าทอ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวตนลงจากรถเพื่อไปเจรจา โดยไปขอดีๆ ไม่ได้ลงไปทะเลาะอะไรกับกลุ่มผู้ชุมนุม เพราะเราก็แก่แล้ว เขาก็คนวัยรุ่น

ยืนยัน เหตุการณ์ที่มากดดันแบบนี้ไม่กระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาล เพราะเป็นหน้าที่ ที่เราจะต้องเดินหน้า ไม่เช่นนั้นเศรษฐกิจก็เดินต่อไม่ได้โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาจากกรณีที่กลุ่มทะลุวังนำโดย เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ บุ้ง ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และ ธนลภย์ ผลัญชัย หรือ หยก แต่งชุดพีพีอี ซึ่งเป็นชุดที่แพทย์ใส่ในการต่อสู้กับโควิด พร้อมพกถังแอลกอฮอล์ เดินทางมาที่พรรคเพื่อไทย เพื่อคัดค้านการจับมือตั้งรัฐบาลของสองพรรค โดยทางพรรคเพื่อไทยได้เตรียมการรับมือด้วยการนำแผงกั้นมาขวางไม่ให้กลุ่มทะลุวังขึ้นมายังบริเวณทางเข้าพรรคเพื่อไทย
โดยทางกลุ่มดังกล่าวพยายามบุกเข้ามาที่ทำการพรรคเพื่อไทย แต่ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขวางไว้ จึงโปรยใบปลิวมาที่หน้าที่ทำการพรรคซึ่งเป็นใบปลิวโจมตี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยเกี่ยวกับเรื่องที่เคยประกาศจะลาออกหากจับมือกับสองลุง และโจมตีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยในฐานะ รมว.สาธารณสุขเกี่ยวกับการแก้ปัญหาโควิด พร้อมกันนี้ยังได้ฉีดแอลกอฮอล์ใส่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยด้วย
“วิโรจน์” ชี้ไม่ง่ายเพื่อไทย-ภูมิใจไทย ตั้งรัฐบาล 212 เสียง
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดเผยกับทีมข่าวเจาะประเด็น ไทยรัฐออนไลน์ว่า หลังการแถลงของพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพรรคภูมิใจไทย รวมกัน 212 เสียง และเตรียมพูดคุยกับพรรคอื่น เพื่อร่วมจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่มีพรรคก้าวไกล ส่วนตัวยังมองว่าทางพรรคก้าวไกล ไม่จำเป็นต้องแสดงท่าทีอะไรแต่มองว่าการจัดตั้งรัฐบาลไม่ง่าย เพราะต้องการเสียงอีกมากกว่าจะครบ 375 เสียง

โดยหากก้าวไกลถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้านตามระบบรัฐสภาฯ ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งในการโหวตนายกฯ ที่มีแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย ในการโหวตครั้งถัดไป พรรคก้าวไกลยึดมั่นมาเสมอว่า ต้องยึดมั่นต่อความรู้สึกของประชาชน ดังนั้นการโหวตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ทางก้าวไกลจะต้องดูความรู้สึกและเสียงสะท้อนจากประชาชนเป็นหลัก
ถ้ามองในความเป็นจริง การนำพรรค 2 ลุงเข้ามาจัดตั้งรัฐบาลแบบเสียงปริ่มน้ำขนาด 260 กว่าเสียง ในความเป็นจริงแทบบริหารราชการแผ่นดินไม่ได้เลย เพราะต้องมี สส. จำนวนหนึ่งไปเป็นรัฐมนตรี ดังนั้นการให้รัฐมนตรีที่เป็น สส.ด้วยวิ่งรอบทั้งงานในทำเนียบและงานในสภาฯ เพื่อพิจจารณาผ่านงบประมาณและกฎหมายสำคัญ ทางทฤษฎีทำได้ แต่ในทางปฏิบัติ ไม่มีทางทำได้ ดังนั้นจึงเชื่อว่า ถ้ามีการเข้ามาร่วมของรวมไทยสร้างชาติและพลังประชารัฐ ที่รวมกันแล้ว 76 เสียง ต้องจับตาดูว่าจะเข้ามาร่วมรัฐบาลเมื่อไหร่และเมื่อใด จึงเป็นที่จับตามองของประชาชน
ส.ว.ไฟเขียว “ชาย นครชัย” เป็น กตต.คนใหม่
ในการประชุมวุฒิสภา (สว.) วานนี้ (7 ส.ค.) มี พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานที่ประชุม พิจารณาให้ความเห็นชอบให้ชาย นครชัย อดีตอธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กระทรวงวัฒนธรรม ให้ดำรงตำแหน่ง กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้วยคะแนนเสียง เห็นชอบ 126 เสียง ไม่ให้ความเห็นชอบ 44 เสียง และงดออกเสียง 22 คะแนน

โดยพล.อ.สิงห์ศึก ระบุว่าผลคะแนนดังกล่าวจึงถือว่าชาย นครชัย ได้รับความเห็นชอบจากวุฒิสภา ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของวุฒิสภา คือ 125 คะแนนขึ้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการเห็นชอบนายชายดังกล่าว ถือว่าจะเข้ามาทำหน้าที่ แทนนายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย กกต. ที่พ้นตำแหน่ง เนื่องจากอายุครบ 70 ปี เมื่อ 30 ธ.ค. 2565