องค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) เปิดเผยผลสำรวจในบทความเรื่อง Beyond the glass ceiling: Why businesses need women at the top ว่า วัฒนธรรมองค์กรที่ให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมทางเพศจะทำให้ได้รับผลประโยชน์เชิงสังคม รวมถึงประโยชน์ด้านอื่น เช่น ความสามารถในการดึงดูดและการรักษาบุคลากรที่มีความสามารถ ในการสร้างนวัตกรรม การเปิดใจยอมรับองค์กร และการเพิ่มภาพลักษณ์ที่ดีขององค์กร
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลและพัฒนาตลาดทุน ก็ส่งเสริมและสนับสนุนให้บริษัทจดทะเบียนให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศ นอกเหนือจากดำเนินธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและสังคม ยึดหลักธรรมาภิบาล (ESG in process) โดย ก.ล.ต. ได้ขับเคลื่อนผ่านแผนการดำเนินการเพื่อเพิ่มบทบาทสตรีในตลาดทุนไทย ภายใต้ความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตร เช่น องค์การเพื่อการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศและเพิ่มพลังของผู้หญิงแห่งสหประชาชาติ (UN Women) และสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย เป็นต้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินการตาม ESG Master Plan ของ ก.ล.ต. ที่สอดรับกับแผนพัฒนาตลาดทุนไทย ฉบับที่ 4 (พ.ศ. 2565 – 2570) แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ในเรื่องความเท่าเทียมทางเพศ โดยมีความมุ่งหมายเพื่อเพิ่มบทบาทผู้นำสตรีและการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่คำนึงถึงความเท่าเทียมทางเพศ
ทั้งนี้ เพื่อช่วยส่งเสริมการขับเคลื่อนด้านสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียมทางเพศสู่ภาคธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการเป็น “พลเมืองที่ดี” (Good Corporate Citizen) ของบริษัทจดทะเบียน ให้ประกอบธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม อันเป็นส่วนหนึ่งของตลาดทุน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและประสบการณ์ เพื่อให้ภาคธุรกิจเห็นความสำคัญของศักยภาพสตรีในการเป็นผู้บริหารระดับสูงและกรรมการบริษัท ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจในบริบทปัจจุบัน โดยเห็นประโยชน์ต่อธุรกิจจากการมีกรรมการสตรี เนื่องจากจะช่วยให้องค์กรมีมุมมองที่หลากหลาย มีความยืดหยุ่นและปรับตัวได้เร็ว อีกทั้งยังส่งผลต่อภาพลักษณ์องค์กรดีขึ้น จากการให้ความสำคัญกับทุกเพศอย่างเท่าเทียมกัน ซึ่งบริษัทจดทะเบียนที่ให้ความสำคัญต่อการสนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศ โดยมีสัดส่วนกรรมการสตรีร้อยละ 30 ขึ้นไปของจำนวนกรรมการ ล้วนได้รับเสียงชื่นชมอย่างมาก
ในสถานการณ์ของโลกยุคปัจจุบันที่มีการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างรวดเร็ว ภาคธุรกิจจำเป็นต้องเตรียมพร้อมเพื่อจัดการความเสี่ยงขององค์กรในหลายมิติ ไม่เพียงแต่การให้ความสำคัญด้านธุรกิจและผลกำไรเท่านั้น ความรับผิดชอบต่อสังคม รวมถึงประเด็นความเท่าเทียมทางเพศ ยังเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจขององค์กร และ การยอมรับจากสาธารณชน