การผสมผสานโครงการให้มีความหลากหลาย เพื่อกำไรและความคุ้มค่าในด้านประโยชน์ใช้สอย คือที่มาของ “มิกซ์ยูส (Mixed-use)” โครงการอสังหาฯ แบบใหม่ที่อสังหาฯ รายใหญ่เลือกลงทุน
หากพูดถึงราคาที่ดินในเขตกรุงเทพฯปัจจุบันมีอัตราพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เกิดจากปัจจัยด้านการพัฒนาผังเมืองรวมถึงการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานของรัฐ จะเห็นได้ว่า บนถนนพระราม4 มีดีเวลลอปเม้นท์ที่จะเกิดขึ้นมากมายโดยเฉพาะ “มิกซ์ยูส (Mixed-use)” ซึ่งถ้าเจาะจงไปยังบริเวณ “สามย่าน” จะเห็นได้ว่าเป็นจุดที่เชื่อมระหว่าง “old town” กับ “new town” ที่เชื่อมระหว่างเส้นสีลมสาธรเข้าไปที่เยาวราช และวันนี้ก็ต้องบอกว่า “สามย่านมิตรทาวน์” เปิดมาในช่วงจังหวะพอดีของการที่รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายที่วัดมังกรหรือสนามไชย ซึ่งได้เปิดอย่างเต็มรูปแบบไปแล้ว นั่นก็หมายความว่าเส้นพระราม4 จะกลับฟื้นคืนมาสร้างความสุขความเจริญไม่แพ้ในส่วนของเส้นสุขุมวิท ทำให้กลุ่มผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่จำเป็นต้องปรับตัวและหันมาพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบผสมผสาน (Mixed-use Real Estate) หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ โครงการมิกส์ยูส (Mixed-use) กันมากขึ้น

หนึ่งในนั้น คือ “โกลเด้นแลนด์” ผู้นำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรของเมืองไทย ที่ทุ่มทุนกว่า 9,000 ล้านบาท พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบผสมผสานหรือมิกซ์ยูส ภายใต้ชื่อ “สามย่านมิตรทาวน์” โดยชูคอนเซ็ปต์ “Urban Life Library – คลังแห่งอาหารและการเรียนรู้” ซึ่งได้เปิดให้บริการแก่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายเพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัย การทำงาน การพักผ่อนหย่อนใจ ตลอดจนการช้อปปิ้ง ให้ครบวงจรในที่เดียว

ธนพล ศิริธนชัย ประธานอำนวยการ บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ กล่าวถึง จุดเด่นของโครงการสามย่านมิตรทาวน์ว่า ถือเป็นมิกซ์ยูสแห่งแรกบนหัวมุมถนนพญาไท – พระราม 4 ที่มีความสมบูรณ์แบบ รวมพื้นที่ใช้สอย 222,000 ตารางเมตร เนื่องจากภายในโครงการประกอบด้วย ที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียม “ทริปเปิ้ล วาย เรสซิเด้นซ์” โรงแรม “ทริปเปิ้ล วาย โฮเทล” อาคารสำนักงาน “มิตรทาวน์ ออฟฟิศ ทาวเวอร์” และพื้นที่ค้าปลีก “ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์”


ทั้งนี้ โครงการถือว่าประสบความสำเร็จอย่างดี เนื่องจากมีพันธมิตรเข้ามาเช่าพื้นที่ต่างๆค่อนข้างมาก อาทิ โซนพลาซ่า ปล่อยเช่ากว่า 85% คอนโดมิเนียมยอดจองซื้อกว่า 60% และอาคารสำนักงานมียอดเช่าพื้นที่กว่า 60%
นอกจากนี้ ภายในโครงการ โดยเฉพาะพื้นที่ค้าปลีก “ศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์” มีการนำแบรนด์ดังทั้งไทยและต่างประเทศมาเป็น “แม่เหล็ก” เพื่อดึงดูดผู้บริโภค (Traffic) ให้เข้ามาใช้บริการอย่างต่อเนื่อง
“เรามุ่งมั่นพัฒนาโครงการสามย่านมิตรทาวน์ให้เป็นคลังแห่งอาหารและการเรียนรู้ เพื่อตอบไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่อย่างแท้จริง ร้านค้าและบริการจากแบรนด์ดังต่างๆ เราจะไม่ทำเหมือนเดิม แต่จะมีการสร้างสรรค์คอนเซ็ปต์ใหม่เป็นแห่งแรก มาให้บริการแก่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายซึ่งมีพฤติกรรม การบริโภคเปลี่ยนไปจากเดิมอย่างมาก จากอิทธิพลของเทคโนโลยีและโลกดิจิทัล”

ธีรนันท์ กรศรีทิพา รองกรรมการผู้จัดการสายงานพัฒนาธุรกิจรีเทล บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่ค้าปลีกอย่างศูนย์การค้าไม่ใช่แค่แหล่งช้อปปิ้งอีกต่อไป แต่กลายเป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคที่ครบเครื่องทั้งเรื่อง ช้อปปิ้ง กิน พบปะสังสรรค์ แหล่งเรียนรู้ ดังนั้น นอกจากร้านค้าแบรนด์ดังที่เป็นแม่เหล็ก ที่เปิดให้บริการ 24 ชม. แล้ว สามย่านมิตรทาวน์ยังเติมเต็มด้วยกลยุทธ์การตลาดต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้มาใช้บริการนานขึ้น


ทั้งกิจกรรมหรืออีเวนท์ ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือการตลาดที่ทำให้ผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการในโครงการ ที่สำคัญยังยืดระยะเวลาการอยู่ในศูนย์การค้าให้นานขึ้นด้วย บริษัทจึงทุ่มงบประมาณกว่า 200 ล้านบาท เพื่อจัดกิจกรรมต่างๆตลอดทั้งปีกว่า 20 รายการ ในโซน 24 ชม. อาทิ ผนึกการีน่า (Garena) ยักษ์ใหญ่เกมจัดแข่งขันทัวร์นาเมนต์ของอีสปอร์ตของเกม ฟรี ไฟร์ (Free Fire) วันที่ 19-20 ตุลาคม 2562 จับมืออัมรินทร์จัดนายอินทร์ บุ๊ค แฟร์ วันที่ 13-17 พฤศจิกายน 2562 และงาน Tasty Fest ที่รวบรวม 100 ร้านเด็ดเอาใจสายกิน เป็นต้น
“กลยุทธ์การทำตลาดของเรา ต้องเริ่มสร้างการรับรู้ (Awareness)ให้แก่ผู้บริโภค เมื่อเข้ามาใช้บริการต้องทำให้กลุ่มเป้าหมายอยู่นานขึ้น ผ่านอีเวนท์ต่างๆ เพื่อต่อยอดให้ลูกค้าเข้าไป ช้อป ชิม ชิลล์ ในร้านค้าของผู้เช่าของเราอย่างต่อเนื่อง และสร้างการเติบโตร่วมกัน จากแผนดังกล่าว เราคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการหมุนเวียนประมาณ 25,000 คนต่อวัน โดยเฉพาะโซน 24 ชม. คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการหมุนเวียน 5,000 คนต่อวัน และมียอดการใช้จ่ายเฉลี่ย 400 บาทต่อคน”

และ เพื่อตอบรับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัล บริษัทยังเปิดตัวแอพพลิเคชั่น มิตรแอป (MITR App) โดยเฟสแรกจะเป็นการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าและบริการภายในโครงการ ตลอดจนโปรโมชั่น แคมเปญ อีเวนท์ต่างๆ และเฟส 2 จะต่อยอดสู่การสร้างฐานสมาชิก และใช้จ่ายสินค้าและบริการแบบไร้เงินสด (Cashless) ได้ด้วย
บริษัท แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ โกลเด้นแลนด์ ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2521 บริษัทฯ ได้ดำเนินการจดทะเบียนเป็นบริษัท มหาชน และเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2537 ภายใต้ชื่อย่อ GOLD ในปี 2555 บริษัทฯ ได้มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) พร้อมส่งคณะกรรมการบริษัท และคณะผู้บริหารชุดใหม่เข้ากอบกู้กิจการของบริษัทฯ ที่มีการขาดทุนสะสมกว่า 7 ปี กลับมาทำกำไรใน ปี 2557 โดยในปี 2559 บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ โฮลดิ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทย่อยของ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จากตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทฯ และเกิดความร่วมมือทางการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ไทยให้เทียบชั้นระดับโลก
ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 11,037,670,000 บาท และมีมูลค่าสินทรัพย์รวม 43,959 ล้านบาท มีโครงการที่พักอาศัยหลายแห่งหลายทำเล ในแบรนด์ โกลเด้น อย่างเช่น โกลเด้นทาวน์ โกลเด้นซิตี้ โกลเด้น นีโอ โกลเด้น วิลเลจ โกลเด้น อเวนิว, โกลเด้น เพรสทีจ และ เดอะ แกรนด์ ซึ่งมีราคาตั้งแต่ไม่ถึง 2 ล้านบาทจนถึง 50 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีโครงการอาคารสูงเชิงพาณิชยกรรม ทั้งอาคารสำนักงาน โรงแรม และเซอร์วิส อพาร์ทเม้นท์ ซึ่งตั้งอยู่ในใจกลางย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร อีกหลายโครงการ อย่างเช่น อาคารสาทรสแควร์ อาคารเอฟวายไอ เซ็นเตอร์ โครงการสามย่านมิตรทาวน์ ดิ แอสคอท สาทร แบงคอก อาคารโกลเด้นแลนด์ และโรงแรม ดับเบิ้ลยู กรุงเทพฯ