“ศิริกัญญา” มั่นใจเสียง สว.เพียงพอหนุน “พิธา” เป็นนายกฯ
ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเจรจากับสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในการโหวตนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ให้สนับสนุนพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเราจำเป็นจะต้องหาเสียงสนับสนุนจาก ส.ว.ให้ได้มากเกินกว่าที่จำเป็น ในกรณีที่ ส.ว.อาจมีการเปลี่ยนใจ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เราได้เตรียมพร้อมไว้แล้ว เมื่อถามว่าเสียง ส.ว.จะต้องได้มากกว่า 64 เสียงนั้น คิดว่าตอนนี้ครบหรือยัง ศิริกัญญา ย้ำว่า ขณะนี้เสียงได้ครบแล้ว แต่ยังคงต้องทำงานต่อเนื่อง เผื่อมีกรณีที่บางท่านอาจเปลี่ยนใจจะได้มีสำรองเอาไว้

เพราะเราไม่มีทางทราบได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหน้างาน ส่วนกระแสข่าวว่า ส.ว.จะสนับสนุนไม่ถึง 10 คนนั้น ยืนยันว่า ในฐานข้อมูลของพรรคไม่ได้เป็นไปแบบนั้น และยังคงมั่นใจว่าในวันที่ 13 ก.ค.นี้ จะได้เสียง ส.ว.ยกมือสนับสนุนนพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีครบถ้วนในครั้งแรก ส่วนหากการโหวตนายกรัฐมนตรีในครั้งแรกไม่ผ่านจะทำอย่างไร ยังไม่ได้มีการพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลว่าจะทำอย่างไร เมื่อถามว่า ส.ว.หลายคนขอดูหน้างานก่อนนั้น กังวลเรื่องการเปลี่ยนใจหรือไม่ นางสาวศิริกัญญา กล่าวว่า มีบางส่วนที่พูดผ่านสาธารณะ และพูดคุยในวงเจรจา ซึ่งอาจไม่ตรงกัน ซึ่งยินดี และยอมรับในสิทธิของ ส.ว.ในการให้ข่าวหรือชี้แจงกับสาธารณะ
“สว.วันชัย” โพสต์โหวตนายกฯให้ “พิธา” ตามหลักเสียงส.ส.ข้างมาก
วันชัย สอนสิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ตนรู้ผลโหวต พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล ฐานะแคนดิเดตนายกฯ ที่ 8 พรรคร่วมจะเสนอต่อรัฐสภา วันที่ 13 กรกฎาคม ทั้งนี้ตนเคยประกาศไว้แล้ว ทั้งก่อนและหลังเลือกตั้งว่า หากใครรวมเสียง ส.ส. ได้เกินกว่ากึ่งหนึ่ง ตนจะเลือกพรรค และคนนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี

โดยขณะนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยจะเป็นคุณพิธาหรือใคร ผมก็โหวตให้ในหลักการเดิม อันเป็นไปตามหลักประชาธิปไตย และความต้องการของประชาชน ทั้งเพื่อความสงบเรียบร้อยของประเทศ และถือหลักว่า คนโกหกแล้ว ไม่ทำชั่วไม่มี พูดแล้วคำไหนคำนั้น ไม่เช่นนั้นเราจะเป็นคนตระบัดสัตย์ทั้งต่อตัวเองและคนอื่น
“ธนกร” ชี้ อย่าดันทุรังเสนอชื่อ “พิธา” ซ้ำ หากโหวตนายกฯ ไม่ผ่านรอบแรก
ธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯคนที่ 2 ระบุว่าวันที่ 13 ก.ค.ที่จะเป็นการนัดเลือกนายกฯนัดแรก ก็ถือว่ามีเวลามากถึง 7 วัน และที่ผ่านมากว่า 1 เดือน ก็คิดว่าเพียงพอสำหรับการเจรจาขอคะแนนสนับสนุนจากทั้งส.ส.และ ส.ว. จึงมองว่า

การโหวตครั้งเดียวก็พอที่จะเห็นทิศทางการเมืองแล้ว ว่าจะเป็นอย่างไร หากคะแนนของทั้ง 2 สภาโหวตให้นายพิธา ไม่ถึง 376 เสียง ครั้งที่ 2 ควรจะให้ที่เป็นลำดับที่ 2 เสนอชื่อต่อไป ไม่ใช่เสนอชื่อคนเดิม 2-3 ครั้ง มันไม่ใช่เลือกหัวหน้าชั้นเรียนเพราะขนาดเลือกหัวหน้าชั้นเรียนยังเลือกแค่ครั้งยกเว้นคะแนนเท่ากัน หากจะเสนอชื่อนายพิธาอีกเป็นครั้งที่ 2 ก็ต้องมีองค์ประกอบหรือมีเงื่อนไขใหม่เพิ่มให้สภาพิจารณา หากไม่มีอะไรใหม่ ตนคิดว่า ให้โอกาสครั้งเดียวก็พอ เพื่อไม่ให้เสียเวลาสภา ขอเป็นกำลังใจให้โหวตนายกรัฐมนตรี แต่ประเด็นแก้ไขยกเลิกมาตรา112 ก็อาจเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ส.ว.ต้องพิจารณาทบทวน
ตร. ประกาศห้ามชุมนุมรัศมี 15 เมตร รอบรัฐสภา ดูแลวัน “โหวตนายกฯ”
พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. เปิดเผยถึง การเตรียมพร้อมดูแลความปลอดภัยในวันประชุมสภาผู้แทนราษฎร 13 กรกฎาคม 2566 ที่จะมีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในที่ประชุม ว่า กรณีที่จะมีการประชุมสภาฯ ในสัปดาห์หน้าพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติ์ประภัสร์ ผบ.ตร.ได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รองผบ.ตร. ดูแลในภาพรวม และสั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)ดูแลแผนความปลอดภัย, การบริหารจราจร และการบริหารพื้นที่ของรัฐสภา

โดยให้จัดเตรียมด้านกำลังพล อุปกรณ์ และยานพาหนะ เพื่อขับเคลื่อนการปฏิบัติงาน ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่มีการบังคับใช้กฎหมายพ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง สั่งห้ามไม่ให้มีการจัดชุมนุม ในรัศมีไม่เกิน 50 เมตร รอบรัฐสภา ตามมาตรา 7 พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พล.ต.ท.อาชยน กล่าวต่อว่า แต่ทั้งนี้หากจะมีการจัดชุมนุมขอให้ผู้จัดทำหนังสือแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำพื้นที่ล่วงหน้าก่อน 24 ชั่วโมง ทั้งนี้การชุมนุมเป็นสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ แต่ขอให้ดำเนินการภายใต้กฎหมาย ในส่วนข้อมูลเบื้องต้นของพื้นที่สน.บางโพ ยังไม่ได้รับหนังสือแจ้งการชุมนุม อย่างไรก็ตามทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ให้ทุกหน่วยเตรียมพร้อมทุกสถานการณ์ และเตรียมแผนรองรับไว้เรียบร้อยแล้ว
“ประยุทธ์” ไม่ยุ่งการเมืองชี้ขั้นตอนต่อไปสภาฯเป็นฝ่ายดำเนินการเลือกนายกฯ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ประเด็นทางการเมืองว่า ในเรื่องการเมืองมีอย่างเดียว ทราบตั้งแต่เช้าแล้วได้มีการรับสนองพระบรมราชโองการในการแต่งตั้งประธานสภาและรองประธานสภาทั้ง 2 คน ซึ่งในฐานะรัฐบาลได้ทำตามขั้นตอนทุกประการไปด้วยความเรียบร้อยจนถึงวันนี้

ต่อไปคงเป็นเรื่องของสภาเรื่องของส.ส.ที่จะดำเนินการกันต่อไป ก็สุดแล้วแต่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ ก็เป็นเรื่องของมติต่างๆ ตนไม่มีคำตอบอะไรทั้งสิ้น ตนไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวอะไรทั้งสิ้นเลย บอกไปตั้งนานแล้ว ฉะนั้นอย่าให้ตนเองไปอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งใดๆทั้งสิ้นเท่านั้นเอง บ้านเมืองมันไปไม่ได้ เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลเดิมได้มีการพูดคุยอะไรกันหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่มี ไม่ได้พูดคุย จากนั้นได้เดินออกจากโพเดียม เมื่อถามว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะเสนอชื่อนายกฯหรือไม่และยืนยันหรือไม่จะไม่มีการเสนอชื่อคนในพรรคและเสนอชื่อคนในพรรคร่วมรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวย้ำว่าก็เขาพูดไปแล้ว พูดไปแล้วไงเล่า