“นายกฯ” สั่งศึกษาขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ – เงินเดือน ข้าราชการ
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาลแจ้งว่า สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้ส่งหนังสือถึงหน่วยงานราชการรับทราบข้อสั่งการนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่31 ต.ค.ที่ผ่านมา เรื่อง การปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำและการปรับอัตราเงินเดือนสำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐ

ทั้งนี้ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ 1. กระทรวงแรงงานเร่งรัดการศึกษาความเหมาะสมและเป็นไปได้ในการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำและรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็ว 2. ให้นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี ฐานะประธานกรรมการข้าราชการพลเรือนรับไปเร่งรัดให้สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ร่วมกับกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาความเหมาะสม และเป็นไปได้ แนวทาง กรอบระยะเวลา และผลกระทบของการปรับอัตราเงินดือน สำหรับกลุ่มข้าราชการพลเรือนและเจ้าหน้าที่ของรัฐให้ชัดเจน และรายงานผลให้คณะรัฐมนตรีทราบโดยเร็วภายในเดือนพ.ย. 66
ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาแล้วลงมติเห็นชอบตามที่นายกรัฐมนตรีเสนอจึงเรียนยืนยันมา และขอได้โปรดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ และขอได้โปรดดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
จับตา “ก้าวไกล” จ่อลงมติใหม่ขับ “ส.ส.ปูอัด” ออกจากพรรค
พรรคก้าวไกลได้แจ้งถึงกรณีที่คณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลมีมติว่า ไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ หรือ “ปูอัด”สส.กรุงเทพฯ กระทำการฝ่าฝืนวินัยสมาชิกพรรคอย่างร้ายแรง กรณีแสดงออกในทางตรงข้ามกับอุดมการณ์อันเป็นค่านิยมที่สําคัญของพรรค และกระทําการล่วงเกิน คุกคาม หรือก่อความเดือดร้อนรําคาญทางเพศต่อบุคคลอื่น

โดยในที่ประชุมร่วมกันระหว่าง สส.และคณะกรรมการบริหารพรรคเมื่อวันพุธที่ 1 พฤศจิกายน 2566 ได้มีมติให้ลงโทษด้วยการตัดสิทธิที่พึงมีในฐานะสมาชิกพรรค และกำหนดเงื่อนไขให้ดำเนินการ ซึ่งหนึ่งในเงื่อนไขกำหนดว่า ต้องแถลงยอมรับผิดและขอโทษในทางสาธารณะต่อสังคมกับผู้เสียหายทั้งสามรายอย่างจริงใจต่อการกระทําผิดทางวินัยดังกล่าว โดยต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในวันเสาร์ที่ 4 พฤศจิกายน 2566 และให้ยุติการก่อความเสียหายต่อผู้เสียหายทั้งสามรายโดยทางตรงและทางอ้อมโดยพลันนับแต่ได้รับแจ้งคำสั่ง
ในที่ 5 พฤศจิกายน 2566) เวลา 13:00 น. คณะกรรมการบริหารพรรคก้าวไกลได้นัดประชุมและลงความเห็นว่า การแถลงข่าวของไชยามพวานเมื่อวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2566 ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงการสำนึกหรือยอมรับว่าพฤติการณ์ของตนเข้าข่ายเป็นการคุกคามทางเพศ
อีกทั้งยังไม่ได้ขอโทษต่อผู้เสียหายอย่างจริงใจ ตลอดจนยังได้กระทำการก่อความเสียหายต่อผู้เสียหายโดยการเปิดเผยข้อมูลของผู้เสียหายด้วย คณะกรรมการบริหารพรรคจึงมีมติว่า ให้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมการวินัยและจรรยาบรรณเพื่อดำเนินกระบวนการวินัยสมาชิกพรรคต่อไปตามข้อบังคับพรรค โดยมีบทลงโทษขั้นสูงสุดคือการพิจารณา “ขับพ้นจากการเป็นสมาชิกพรรค” ในที่ประชุมร่วมกันระหว่าง สส.และคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งจะเกิดขึ้นได้เร็วสุดในวันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน 2566นี้
“มงคลกิตต์” รับ “สส.แจ้” เข้าพรรคไทยศรีวิไลย์
มงคลกิตต์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ระบุผ่านเฟซบุ๊คส่วนตัว ว่า พร้อมรับวุฒิพงศ์ ทองเหลา หรือ ‘สส.แจ้’ สส.ปราจีนบุรี ที่ถูกมติของพรรคก้าวไกล ขับออกจากสมาชิกพรรค หลังมีกรณีแชทสยิวกับสาวที่ทำงานเป็นผู้ช่วยหาเสียง โดยระบุว่า พร้อมให้โอกาส เนื่องจากนายวุฒิพงศ์ เป็นคนพิษณุโลกเหมือนตน และยังเป็นรุ่นน้องในโรงเรียน และมหาวิทยาลัยเดียวกับตน อีกทั้งตนต้องการให้โอกาสทำงานเพื่อชดใช้ความผิด

ล่าสุด มงคลกิตติ์เปิดเผยว่า ตนได้พูดคุยกับวุฒิพงศ์ ถึงการชักชวนให้ร่วมทำงานกับพรรคไทยศรีวิไลย์ เบื้องต้นวุฒิพงศ์มีความสนใจทำงานกับพรรคในเวลาที่เหลืออยู่อีก 3ปีกว่า แต่ความชัดเจนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของวุฒิพงศ์
สำหรับพรรคได้หารือกับผู้ใหญ่ในพรรค และ เห็น ตรงกันว่าพร้อมยอมรับนายวุฒิพงษ์เข้ามาเป็นส.ส.ในสังกัด เนื่องจากพฤติกรรมที่ถูกพรรคก้าวไกลขับออกนั้น ไม่ถึงขั้นเป็นการคุกคามทางเพศ อีกทั้งไม่ใช่คดีรุนแรง เช่น ทุจริต คอร์รัปชั่นหรือกระทำความผิดอาญา
โดยสส.แจ้งชี้แจงข้อกล่าวหาคุกคามทางเพศให้ผมได้ทราบว่าเป็นอย่างไร บอกว่าเป็นเพียงการพูดคุยผ่านไลน์ และเห็นว่าวุฒิพงษ์ควรพิสูจน์ตัวเองอีก 3 ปีในช่วงที่เป็นส.ส.อยู่ในสภา และหากพ้นสมาชิกภาพไปก็จะต้องเสียเงินค่าเลือกตั้งใหม่
“อรรถวิชช์” พร้อมชงกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโรเข้าสภาฯ
อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี สมาชิกพรรคชาติพัฒนากล้า เปิดเผยว่าสัปดาห์หน้า ตนเตรียมยื่นเรื่องต่อวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เพื่อตรวจร่างกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโร และเตรียมขอประชาชน 10,000 รายชื่อสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว ทั้งนี้ตนขอขอบคุณกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง อิฐบูรณ์ อ้นวงษา รองเลขาธิการองค์กรของผู้บริโภค นิวัฒน์ กาญจนภูมินทร์ อดีตผู้จัดการใหญ่ บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ รวมถึงบุคลากรจากสถาบันการเงินต่างๆ ที่ร่วมให้ความเห็นและเสนอร่างกฎหมายร่วมกัน

โดยหลังจากที่ตนลาออกจากรองหัวหน้าชาติพัฒนากล้า ลงมาลุยภาคประชาชนเต็มตัว ได้รับความกรุณาจากพี่ๆ หลากหลายวงการ ทั้งผู้เชี่ยวชาญ กลุ่มที่ใกล้ชิดกับผู้เดือดร้อน มาร่วมกันร่างกฎหมายปฏิรูปเครดิตบูโรสำเร็จ โดยมีสาระสำคัญคือยุติการแช่แข็งลูกหนี้ ลดความเดือดร้อนประชาชน ไม่ต้องติดในระบบแบล็กลิสต์กว่า 3 ปี เราสร้างกติกาใหม่ในการแจ้งข้อมูลเครดิต และการทำลายข้อมูลเก่าที่เกินความจำเป็น ให้เป็นธรรมกับประชาชน ได้มีโอกาสฟื้นตัวและได้รับสินเชื่อที่เป็นธรรม ไม่ต้องโดนดอกเบี้ยสูงของหนี้นอกระบบ
“สุดารัตน์” จี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาชาวนา อย่าปล่อยเดือดร้อน
คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย เปิดเผยว่า ได้กำชับให้สส.ของพรรค โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคอีสาน เร่งพูดคุยกับพี่น้องชาวนา หลังพบว่ามีเกษตรกร ร้องเรียนผ่านเข้ามาที่พรรคจำนวนมาก โดยแสดงความกังวลเรื่อง “ราคาข้าวหอมมะลิทุ่งกุลาร้องไห้” ที่กำลังทะลักออกตลาด ราคาจะตกลงเรื่อยๆ ชาวนาจะต้องขาดทุนอีก หากรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนในมาตรการช่วยเหลือ ตามที่ สส.ชัชวาล แพทยาไทย ได้เปิดอภิปรายในสภาแล้ว

โดยเฉพาะโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกนาปี เพื่อมอบให้เกษตรกรมีเงินทุนหมุนเวียนระหว่างชะลอการขายข้าว โดยไม่ต้องเร่งขายข้าวเปลือกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดจำนวนมาก ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวตกต่ำ จะเป็นการช่วยเหลือค่าเก็บและรักษาคุณภาพข้าวเปลือก 1,500 บาทต่อตัน กรณีที่เกษตรกรเก็บข้าวไว้ในยุ้งฉางของตนเอง โดยเรียกร้องให้รัฐบาลมีมาตราการที่ชัดเจนโดยเร็ว เพราะพี่น้องชาวนาเริ่มเก็บเกี่ยวข้าวแล้วเป็นจำนวนมาก และจะเกี่ยวเสร็จภายในสิ้นเดือนนี้ทั้งหมด และต้องขายสู่โรงสี เพราะไม่มีแรงจูงใจและความชัดเจนในมาตรการของรัฐบาล ราคาข้าวจะต่ำลงเรื่อยๆ ณ.วันนี้ ราคา 10.50 บาทต่อกก. อีก20 วันข้างหน้าราคาอาจต่ำลง ถึง 7หรือ8 บาทต่อกิโลกรัม
ต้องทวงถามรัฐบาลว่า มาตรการชะลอการขายข้าว 1,500 บาทต่อตันจะได้เมื่อไร และโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร สำหรับสหกรณ์การเกษตรและกลุ่มเกษตรกรวิสาหกิจชุมชน ที่ประกอบธุรกิจรวบรวมข้าวจากเกษตรกร ซึ่งเคยกำหนดวงเงินสินเชื่อเป้าหมายที่ 10,000 ล้านบาท จะยังมีอยู่หรือไม่ และจะได้เมื่อไหร่
รวมถึงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพ ผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวหรือค่าเก็บเกี่ยวในอัตราไร่ละ 1,000 บาทสูงสุดไม่เกิน 20 ไร่หรือไม่เกิน 20,000 บาทต่อครัวเรือนจะยังได้หรือไม่