BGRIM ตั้งเป้ารายได้ปี 63 เติบโต 10-15% หลังเริ่มรับรู้รายได้เต็มปีจากโครงการที่เริ่ม COD เมื่อปีที่ผ่านมา และยังมีโอกาสซื้อกิจการเข้ามาในปีนี้ด้วย โดยจะทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้ทันที
บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM นำโดยนายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน, นางสาวศิริวงศ์ บวรบุญฤทัย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และนางสาวศลยา ณ สงขลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ เข้าชี้แจงผลดำเนินงานไตรมาส 4/2563 ในงาน Opportunity Day บริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุนจัดขึ้นโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.)
นายนพเดช กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีโครงการโรงไฟฟ้า ซึ่งมีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้นกว่า 2,900 เมกะวัตต์ โดยในปี 2568 กำลังการผลิตรวมจะเพิ่มเป็น 3,400 เมกะวัตต์ จากทั้งหมด 57 โครงการที่อยู่ในแผนก่อสร้างขณะนี้ ซึ่งในปี 2563 จะมีโครงการกังหันลมขนาดกำลังผลิต 16 เมกะวัตต์ และโครงการโซลาร์ฟาร์มขนาดกำลังการผลิต 36 เมกะวัตต์ ที่เร่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ในปี 2563
จากโครงการที่บริษัทฯมีอยู่ขณะนี้ และมีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้ว BGRIM ได้เตรียมเงินลงทุนจำนวน 63,000 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินกู้ 70-75% และเงินทุน 20-25% และถ้าหากมีโครงการเข้ามาเพิ่มในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 บริษัทฯ ก็มีแผนที่จะออกหุ้นกู้เพิ่มจำนวน 8,000 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย
อย่างไรก็ตาม ในปี 2563 BGRIMจะเริ่มรับรู้รายได้เต็มปีจากโครงการที่เริ่ม COD เมื่อปีที่ผ่านมา และยังมีโอกาสซื้อกิจการเข้ามาโดยจะทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้รายได้ทันที ซึ่งคาดว่าจะทำให้รายได้ปี 2563 เติบโตอยู่ในช่วง 10-15% ขณะเดียวกันธุรกิจที่เติบโตเด่นของบริษัทคือธุรกิจโซลาร์ โดยมีการร่วมกับเอนเนอจี ไชน่า ในการร่วมพัฒนาโครงการต่าง ๆ ซึ่งเป็นโอกาสในการเติบโตในระยะต่อไปนอกจากการดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ที่บริษัทฯ เชี่ยวชาญ
ด้าน นางสาวศลยา กล่าวต่อว่า ช่วง 2 เดือนแรกของปี 2563 ปริมาณการใช้ไฟฟ้าของลูกค้าอุตสาหกรรมเติบโตขึ้น 1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักเกิดจากการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในอุตสาหกรรมแพคเกจจิ้ง ที่มีการเติบโตขึ้น20% และอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ ที่มีการเติบโต 19.2% นอกจากนี้ในปี 2563 บริษัทฯ ยังจะมีการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับลูกค้ารายใหม่ โดยมีความต้องการใช้ไฟฟ้าจำนวน 31 เมกะวัตต์
ส่วน นางสาวศิริวงศ์ กล่าวปิดท้ายว่า ผลการดำเนินงวดปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้ 44,132 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการมีโครงการใหม่ COD ได้ตามเวลา ขณะที่ EBITDA อยู่ที่ 11,485ล้านบาท เติบโตขึ้น 26% เป็นผลจากการมีโครงการโซลาร์เข้ามาใหม่ รวมทั้งบริษัทฯพยายามบริหารจัดการค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สำหรับ กำไรจากการดำเนินงานที่ยังไม่มีหักค่าใช้จ่ายจำนวน 3,658 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20.8% จากการเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้า และการลดดอกเบี้ยเงินกู้จากการรีไฟแนนซ์ ทั้งนี้ ฯ วันที่ 31 ธ.ค.2562 บริษัทฯมีสินทรัพย์ 121,693 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20% จากการพัฒนาโครงการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง