HomeBT Newsย่อข่าวธุรกิจในประเทศ 5 กันยายน 2566

ย่อข่าวธุรกิจในประเทศ 5 กันยายน 2566


3 รัฐมนตรีเกษตรฯ ชุดใหม่ แท็คทีมลงพื้นนครศรีธรรมราช

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย นายไชยา พรหมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การผลิตสินค้าเกษตร และติดตามงานตามนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมรับฟังปัญหาความเดือนร้อนของพี่น้องเกษตรกร

- Advertisement -


โดยมีนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ และหน่วยงานส่วนท้องถิ่น เข้าร่วม ณ เทศบาลตำบลพรหมโลก ตำบลพรหมโลก อำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช และเยี่ยมชมจุดรับซื้อมังคุด ณ สหกรณ์กองทุนสวนยางบ้านวังลุง จำกัด หลังมีกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่รวมตัวกันบรรทุกมังคุดมาเททิ้งบริเวณหน้าป้ายที่ว่าการอำเภอพรหมคีรี จังหวัดนครศรีธรรมราช

สำหรับสถานการณ์มังคุดในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช มีพื้นที่ปลูกมังคุด จำนวน 96,479 ไร่ พื้นที่เก็บเกี่ยว จำนวน 92,387 ไร่ ผลผลิตรวมทั้งสิ้น 43,533 ตัน แบ่งเป็น ผลผลิตนอกฤดู จำนวน 2,972 ตัน และผลผลิตในฤดูกาล จำนวน 40,561 ตัน โดยมีผลผลิตออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมิถุนายนถึงเดือนกันยายน และออกสู่ตลาดมากที่สุดในช่วงเดือนสิงหาคม จำนวน 11,954 ตัน ปัจจุบันเก็บเกี่ยวไปแล้วบางส่วน ผลผลิตมังคุดคงเหลือในพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชประมาณ 10,000 ตัน โดยผลผลิตที่เหลือส่วนใหญ่จะเป็นมังคุดภูเขา ในพื้นที่อำเภอนบพิตำ อำเภอร่อนพิบูลย์ อำเภอทุ่งสง อำเภอจุฬาภรณ์ และอำเภอลานสกา


ดีอีเอส หารือหน่วยงานเกี่ยวข้อง ปราบปรามบัญชีม้า ตาม พ.ร.ก.ป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์

วานนี้ (4 ก.ย.66) ศาสตราจารย์พิเศษ วิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการดำเนินการตามพระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ในการแก้ไขปัญหาบัญชีม้า เพื่อเร่งรัดและติดตามความก้าวหน้าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์


โดยที่ประชุมได้พิจารณาแนวทางการดำเนินการ พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ในการเร่งรัดป้องกัน-ปราบปรามภัยออนไลน์ โดยมีนายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมด้วย ผู้แทนจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สมาคมธนาคารไทย และผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ณ ห้องประชุม 801 ชั้น 8 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม


บีโอไอดันลงทุนภาคใต้ชูระเบียงเศรษฐกิจ SEC – เขตพิเศษชายแดนใต้ เป็นประตูการค้าการลงทุน

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2566 บีโอไอร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร อาทิ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) สภาอุตสาหกรรมและสภาหอการค้าภาคใต้ จัดงาน “NEW Economy, NEW Opportunities” ที่จังหวัดสงขลา ต่อยอดความสำเร็จจากการจัดงานในภาคตะวันออก ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ


เพื่อประชาสัมพันธ์ยุทธศาสตร์การส่งเสริมการลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) และมาตรการส่งเสริมการลงทุนชุดใหม่ที่สนับสนุนผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคใต้ โดยเน้นการส่งเสริมการลงทุนที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมมาช่วยยกระดับอุตสาหกรรมเป้าหมายที่ภาคใต้มีศักยภาพ เช่น อุตสาหกรรมการเกษตร อาหาร ท่องเที่ยว และ BCG โดยมีผู้ประกอบการในพื้นที่ เข้าร่วมงานกว่า 180 คน

“ภาคใต้เป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของประเทศ ทั้งในด้านการเกษตร การท่องเที่ยว การค้าและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ โดยภาคใต้มีความโดดเด่นในหลายมิติ ทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก และแหล่งพำนักระยะยาวของชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อสูง รวมทั้งมีชุมชนขนาดใหญ่ติดอันดับโลกของกลุ่ม Digital Nomad และสตาร์ทอัพที่ภูเก็ต เกาะสมุย และเกาะพงัน

นอกจากนี้ ภาคใต้ยังเป็นแหล่งวัตถุดิบสำคัญ ทั้งยางพาราและปาล์มน้ำมัน ตลอดจนเป็นศูนย์กลางแปรรูปอาหารทะเลและอาหารฮาลาล สำหรับความโดดเด่นด้านการค้าและโลจิสติกส์ ชายแดนภาคใต้ก็เป็นประตูการค้าสำคัญไปสู่มาเลเซียและสิงคโปร์ อีกทั้งกำลังจะมีโครงการ Land Bridge เชื่อมฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน จะเป็นประตูเชื่อมระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกไปสู่เอเชียใต้ ตะวันออกกลาง และแอฟริกาอีกด้วย จะเห็นว่าภาคใต้มีทำเลที่ตั้งที่ดีและมีจุดแข็งอยู่มาก บีโอไอมองเห็นโอกาสในการดึงศักยภาพเหล่านี้มาทำให้เกิดพลังดึงดูดการลงทุน เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจ สร้างความเจริญและอนาคตที่สดใสให้กับคนในพื้นที่” นายนฤตม์ กล่าว


กอช. ล่องใต้ลงยะลา ขับเคลื่อน เยาวชน-ประชาชนออมเงิน

นางสาวจารุลักษณ์ เรืองสุวรรณ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) จัดกิจกรรม “กอช. ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ประชุมมอบนโยบายและแนวทางการขับเคลื่อนส่งเสริมวินัยการออมกับ กอช. โดยมี พันจ่าโท อนันต์ บุญสำราญ รองผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ผศ.ดร. รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี


ซึ่งในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ เพื่อส่งเสริมความมั่นคงทางการเงินให้นักเรียน นักศึกษาในจังหวัดยะลา ได้ตระหนักถึงความรู้ทักษะทางการเงิน (Financial Literacy) รวมถึงการออมเงินกับ กอช. สำหรับนักเรียน นักศึกษา รวมถึงประชาชนผู้ประกอบอาชีพอิสระ ที่มีอายุ 15 – 60 ปี ด้วยการออมเริ่มต้นเพียง 50 บาท สูงสุด 30,000 บาท/ปี ในเดือนถัดไปรับเงินสมทบเพิ่มจากรัฐ สูงสุด 1,800 บาท/ปี และสิทธิประโยชน์ในการเป็นสมาชิก กอช. ต่าง ๆ ซึ่งตรวจสอบสิทธิ และสมัครสมาชิกได้ที่ ไลน์ กอช. “@nsf.th” หรือ แอปพลิเคชัน กอช.

โดยมี คณะผู้บริหารการคลังจังหวัด ผู้แทนจากโรงเรียนระดับมัธยมศึกษาในจังหวัด นายกสมาคมผู้ปกครองและครู ผู้แทนจากสภาเด็กและเยาวชนจังหวัดยะลา ผู้นำชุมชนในเขตเทศบาลนครยะลา ผู้นำศาสนา เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ เพื่อนำความรู้สิทธิประโยชน์ในการเป็นสมาชิก กอช. ไปขยายผลต่อในหน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของแต่ละหน่วยงาน

นอกจากนี้ กอช. ได้มีการขับเคลื่อนส่งเสริมการออมในกลุ่มเยาวชน โดยร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อมุ่งส่งเสริมสนับสนุนปลูกฝังให้เยาวชนนักเรียนภายใต้สังกัด สพฐ. ได้มีวินัยทางการเงิน ตระหนักถึงการออมเงินตั้งแต่วัยเรียน ในการออมเงินกับ กอช. จำนวน 4 ครั้ง/ปี จะได้รับวุฒิบัตรจาก สพฐ. กับ กอช. เพื่อมอบให้นักเรียนเยาวชน ที่มีการฝึกฝนสร้างวินัยและเห็นความสำคัญของการออมเงิน และ กอช. ได้ร่วมกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ส่งเสริมการออมและปลูกฝังวินัยทางการเงิน ให้ผู้กู้ยืมที่อยู่ระหว่างการศึกษาสามารถนำส่งเงินออมเป็นรายเดือนเข้า กอช. ขั้นต่ำครั้งละ 50 บาท ออมได้เดือนละ 1 ครั้ง และสามารถสะสมชั่วโมงจิตสาธารณะได้ 1 ชั่วโมงต่อเดือน เพื่อการเงินที่ดีในอนาคต ณ ห้องประชุมพิมพ์มาดา โรงแรมยะลาปาร์ควิว จังหวัดยะลา เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2566


EXIM BANK คว้ารางวัล ‘องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนระดับดีเด่น ประจำปี 2566’

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs) ภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ได้รับคัดเลือกเป็น “องค์กรต้นแบบด้านสิทธิมนุษยชนระดับดีเด่น ประจำปี 2566” ประเภทองค์กรรัฐวิสาหกิจ ซึ่งเป็นระดับสูงสุด


โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ กระทรวงยุติธรรม แสดงถึงความสำเร็จขององค์กรในการนำหลักสิทธิมนุษยชนมาเป็นพื้นฐานในการบริหารจัดการองค์กรและปฏิบัติงานในทุกระดับ ส่งเสริมให้เกิดการเคารพสิทธิมนุษยชนทั้งภายในและภายนอกองค์กร ยกระดับการดำเนินงานด้วยธรรมาภิบาลและความรับผิดชอบต่อสังคม และร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยและโลกโดยรวมไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้บทบาท “ธนาคารเพื่อการพัฒนา โดยไม่ทิ้งคนตัวเล็ก”

นับเป็นความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมของ EXIM BANK ในการดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Environmental, Society and Environment : ESG) และยึดหลักการ 4P เริ่มต้นจากการดูแลคน (People) เพื่อดูแลโลก (Planet) ด้วยความใส่ใจในประสิทธิภาพ (Productivity) นำไปสู่กำไร (Profit) ซึ่งรวมถึงคุณค่าที่ตอบแทนกลับคืนสู่สังคม

โดยวางรากฐานตั้งแต่ภายในองค์กรให้บุคลากรยึดมั่นในหลักสิทธิมนุษยชน ประกอบด้วยการคุ้มครอง (Protect) เคารพ (Respect) เยียวยา (Remedy) สอดคล้องกับหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGPs) และแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (National Action Plan on Business and Human Rights: NAP) ของประเทศไทย ทั้งด้านแรงงาน ด้านชุมชน ที่ดิน สิ่งแวดล้อม ด้านนักปกป้องสิทธิมนุษยชน และด้านการลงทุนระหว่างประเทศและบรรษัทข้ามชาติ โดย EXIM BANK มุ่งมั่นปฏิบัติต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทั้งภายในและภายนอกตลอดห่วงโซ่อุปทานตามหลักสิทธิมนุษยชน รวมทั้งส่งเสริมให้ลูกค้า คู่ค้า รวมถึงพนักงานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News