“รทสช.” งง “ก้าวไกล” ยื้อเลือก กมธ.สภาฯ
อัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ฐานะตัวแทนพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ที่ประชุมเพื่อแบ่งโควตาประธานกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญ 35 คณะ นัดที่สองวานนี้ (4 ก.ย.) โดยที่ประชุมไม่มีข้อยุติหรือข้อสรุปใดๆ อย่างไรก็ดีในการประชุมดังกล่าวทุกพรรคเห็นด้วยในวิธีการ และการจัดสรรโควตา ยกเว้นพรรคก้าวไกลที่ไม่เห็นด้วย ทั้งในการตกลงโควตาประธาน กมธ. ที่ยอมรับว่ามีความต้องการซ้ำกันไม่มาก และเมื่อไม่เห็นด้วย จึงมีการเสนอวิธีการที่สองคือ การจับสลาก ซึ่งที่ประชุมขอให้พรรคจับสลากเวียนกันไป พรรคละ 1 คณะ ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วย และมองว่าเขาคือ พรรคใหญ่ควรได้จับสลากครั้งละ 3 คณะ ทำให้ไม่สามารถตกลงกันได้ ซึ่งตนมองว่าการพิจารณาที่ไม่มีข้อยุตินั้นประชาชนสูญเสียประโยชน์

ตนไม่ทราบเจตนาของพรรคก้าวไกลว่าเหตุผลที่ไม่ยอมเป็นเพราะอะไร เนื่องจากในที่ประชุมพรรคก้าวไกลไม่ได้ชี้แจงหรือแจ้งเหตุผลอย่างชัดเจน ส่วนที่ไประบุ กับผู้สื่อข่าวว่าต้องการ กมธ.เพื่อตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาลนั้น ในข้อเท็จจริง กมธ.ทั้ง 35 คณะ มี กมธ.ที่เลือกซ้ำซ้อนกัน 6-7 คณะเท่านั้น เช่น กมธ.การคมนาคม พรรคเพื่อไทยซ้ำกับพรรคก้าวไกล, กมธ.การกระจายอำนาจ การปกครองส่วนท้องถิ่น การบริหารราชการรูปแบบพิเศษ พรรคภูมิใจไทยซ้ำกับพรรคก้าวไกล, กมธ.การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ พรรคเพื่อไทยซ้ำกับพรรคก้าวไกล, กมธ.ศึกษาการจัดทำ และติดตามการบริหารงบประมาณ พรรคเพื่อไทยซ้ำกับพรรคก้าวไกล, กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน พรรคประชาชาติซ้ำกับพรรคก้าวไกล
ส่วนกมธ.เกษตรและสหกรณ์ พรรคพลังประชารัฐซ้ำกับพรรคก้าวไกล ซึ่งต่อมาพรรคพลังประชารัฐยอมถอยให้, กมธ.การพัฒนาเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์ซ้ำกับพรรคก้าวไกล ต่อมาถอยให้พรรคก้าวไกล และขอ กมธ.การตำรวจแทน ซึ่งเหตุผลที่พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคพลังประชารัฐถอยให้เนื่องจากต้องการให้การประชุมยุติลงโดยเร็ว เพื่อได้ทำงานให้กับประชาชนแต่ก็ไม่ได้ข้อยุติ
ยันอีก “ธรรมนัส” ชี้ “ไผ่” คุณสมบัติเป็น รมต.ได้
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีรายชื่อของไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร ที่ไม่ปรากฏชื่อทูลเกล้าฯ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์นั้นชื่อหลุด หรือรอคณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาคุณสมบัติว่า ไผ่ยังไม่หลุด รอข้อกฎหมายให้ชัดเจน

ส่วนได้มีการวางบุคคลมาทดแทนในสัดส่วน รัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ยืนยันว่า ไม่มี ตำแหน่งนี้เว้นว่างไว้ให้ไผ่อยู่
ส่วนที่ถามว่าหากพรรคพลังประชารัฐได้ในสัดส่วนที่มีรัฐมนตรีเป็นเจ้ากระทรวงด้วย จะทำงานง่ายขึ้นใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ตนไม่ได้ใส่ใจเรื่องพวกนี้ เราในฐานะฝ่ายบริหาร ต้องทำให้ดีที่สุด ฝ่ายการตรวจสอบจะเป็นพรรคไหนไม่เป็นปัญหา
“ชัชชาติ” เตรียมคุย “เศรษฐา” แก้ปัญหาฝุ่น – รถไฟฟ้า
ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคณะผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ครั้งที่ 19/2566 ว่าเรื่องที่จะต้องหารือกับรัฐบาลเป็นเรื่องฝุ่น PM2.5 เนื่องจากใกล้ถึงฤดูฝุ่นสูงแล้ว สัปดาห์หน้าจะมีการประชุมหารือร่วมกับกรมควบคุมมลพิษในการรับมือฝุ่น PM2.5 ปัจจุบันเรามีข้อมูลต่างๆ มากขึ้น เช่น ฝุ่นมาจากไหน มีมาตรการอย่างไร การพยากรณ์เป็นอย่างไร รวมถึงได้มีการปรับเกณฑ์ใหม่ แถบสีต่างๆ จะมีความเข้มข้นมากขึ้น ต้องรีบหารือกับรัฐบาล เนื่องจากหลายส่วน กทม.ควบคุมไม่ได้ เชื่อว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆ ของทางรัฐบาลอยู่แล้ว

ส่วนการสร้างรถไฟฟ้า 2 สายคือสายสีเทา (วัชรพล-ทองหล่อ และพระโขนง-ท่าพระ) และสายสีเงิน (บางนา-บางโฉลง-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ) ซึ่งสายสีเทารูปแบบการจัดสร้างจะคล้ายสายสีเหลืองและสายสีชมพู หากให้รัฐบาลทำก็จะมีประโยชน์มากกว่า
เพราะการเดินทางจะเชื่อมกับรถไฟฟ้าของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นของรัฐบาล ส่งผลให้การทำตั๋วมีประโยชน์มากกว่า สอดคล้องกับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ส่วน กทม.จะทำในส่วนของรถฟีดเดอร์นำมารับส่ง-คนเข้าสู่ระบบรถไฟฟ้า กทม.เป็นท้องถิ่นพอมีกำลังจะทำได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณเยอะ
“พิชิต”หวั่นระบอบ “ทักษิณ” ฟื้น ทำการเมืองไทยวุ่น
พิชิต ไชยมงคล อดีตโฆษกเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และอดีตแกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Pichit Chaimongkol ระบุว่า

น.ช.ทักษิณ ติดคุกอีก 1 ปี และมีโอกาสออกมาก่อนครบ 1 ปีแน่นอน เวลานี้ไม่นาน น.ช.ทักษิณต้องออกจากคุกมาในรัฐบาลหุ่นเชิด เศรษฐา แน่ๆ
ด้วยบุคลิกเห็นแก่ตัว เอาดีเข้าตัว ชั่วให้คนอื่น เมื่อออกมา ทักษิณ จะกลายเป็นศูนย์กลางความถูกต้องในสังคมไทยทันที
และแน่นอนอำนาจการบริหารจะไปอยู่ที่ จันทร์ส่องหล้า “ทักษิณคิด เศรษฐาทำ” จะเกิดขึ้น ชีวิตหลังเรือนจำ(ทิพย์) ของ น.ช.ทักษิณ คงไม่อยู่นิ่งๆ อาการอวดเก่งจะทำให้ ประเทศไทย มีนายกฯ 2 คนในเวลาเดียวกัน ทักษิณคือนายกฯแท้เศรษฐา คือ นายกฯหุ่นเชิดอุ๊งอิ๊ง คือเลขานายกฯ
ดังนั้นระบอบทักษิณ จะหวนกลับมาอีกครั้ง และครั้งนี้ ลิ่วล้อบริวารจะกางปีกขยายแขน ชนิดฝากตัวรับใช้นาย อำนาจตำรวจจะเพิ่มมากขึ้น
อาการ Untouchable ของเทวดา จะถูกบริวารว่านเครือปกป้องแทนนายลักษณะเช่นนี้จะเกิดขึ้นให้เห็น และเชื่อว่า อาจจะนำมาสู่การเคลื่อนไหว อีกครั้ง และจะรุนแรงขึ้นกว่าเดิม เพราะเชื้อเพลิงจะมี ด้อมส้มเข้ามาเป็นอีกฟืนท่อนหนึ่งในกองเพลิง จากหลงอำนาจของระบอบทักษิณใหม่ในอนาคตไม่ใช่หมอดู แต่วิเคราะห์ล่วงหน้าได้เลย
“ปิยะบุตร” ร่ายยาวเหตุ “ก้าวไกล” ยังไม่รับผู้นำฝ่ายค้าน
ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ณ เวลานี้ไม่มีพรรคใดเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้
ประเทศไทยเริ่มนำตำแหน่ง “ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร” มาใช้ในรัฐธรรมนูญ 2517 นับจนถึงปัจจุบัน เรามีผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 9 คน

รัฐธรรมนูญ 2560 ในมาตรา 106 ได้เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขของตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน เป็นดังนี้ 1. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2. หัวหน้าพรรคการเมือง 3. หัวหน้าพรรคการเมืองที่มี ส.ส.มากที่สุด 4. พรรคการเมืองนั้น ต้องมีสมาชิกที่มิได้ดำรงตำแหน่ง รมต. ประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร
จะเห็นได้ว่า รัฐธรรมนูญ 2560 ได้เพิ่มเงื่อนไขมาว่า สส.ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองนั้น นอกจากพรรคนั่นจะต้องไม่มีสมาชิกเป็น รมต.แล้ว ยังต้องไม่มีสมาชิกเป็นประธานและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วย
ในรัฐธรรมนูญไม่ได้นิยามคำว่า “ฝ่ายค้าน” เอาไว้ชัดเจน แต่คนทั่วไปก็ตีความเอาจากเงื่อนไขของการเป็นผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งแต่ไหนแต่ไร คำว่า “ฝ่ายค้าน” ควรหมายถึง พรรคการเมืองที่มี สส.ในสังกัด ที่มิได้ดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหาร หรือ รมต.เท่านั้น แต่เมื่อรัฐธรรมนูญ 2560 มาเพิ่มเงื่อนไขตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านไว้ในมาตรา 106 ให้รวมถึง พรรคที่ไม่มีสมาชิกเป็นประธาน และรองประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วย ก็กลายเป็นปมปัญหาใหม่
ตนจึงเห็นว่า ณ เวลานี้ ไม่มีพรรคใดที่มี สส.ที่เป็นผู้นำฝ่ายค้านได้เลย ตำแหน่งนี้ต้องเว้นว่างไปก่อน จนกว่าจะมี สส.ของพรรคใดเข้าเกณฑ์เงื่อนไขตามมาตรา 106 ครบถ้วน ได้แก่ 1. สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2. หัวหน้าพรรคการเมือง 3. หัวหน้าพรรคการเมืองที่มี ส.ส.มากที่สุด 4. พรรคการเมืองนั้น ต้องมีสมาชิกที่มิได้ดำรงตำแหน่ง รมต. ประธานสภาผู้แทนราษฎร และรองประธานสภาผู้แทนราษฎร ตำแหน่งนี้ ต้องมีครบทั้ง 4 ข้อ ขาดข้อใดข้อหนึ่งไปมิได้