HomeBT NewsBusiness Today Thai Politics 5 กรกฎาคม 2566

Business Today Thai Politics 5 กรกฎาคม 2566



“วันนอร์” นัดโหวตนายกฯ 13 ก.ค.ชี้หากเสียงไม่ถึง 376 ต้องปรึกษาสมาชิกก่อนโหวตใหม่

วันมูหะมัดนอร์ มะทา ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ ฐานะผู้ที่สภาฯเลือกให้ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ที่รัฐสภา ถึงการเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งได้เชิญ นางพรพิศ เพชรเจริญ เลขาธิการสภาฯ ได้หารือ เบื้องต้นได้เตรียมการเรื่องพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นใน 1-2 วัน ต่อมาคือ การเปิดประชุมสภาฯ นัดต่อไป ที่เบื้องต้นจะกำหนดในวันที่ 12 กรกฏาคม เพื่อพิจารณาการกำหนดวันประชุมของสภาฯ ประจำสัปดาห์


ซึ่งต้องรอสอบถามความคิดเห็นของ ส.ส. ว่าจะใช้ 2 หรือ 3 วันต่อสัปดาห์ รวมถึงให้ ส.ส.ที่ไม่ได้กล่าวคำปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ให้ดำเนินการให้ครบถ้วน วันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่าขณะที่การประชุมรัฐภา เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี ตนได้หารือกับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ฐานะรองประธานรัฐสภา เบื้องต้นจะกำหนดการประชุมรัฐสภา วันที่ 13 กรกาคม เวลา 09.30 น.เมื่อถามถึงขั้นตอนการโหวตนายกรัฐมนตรี ที่มีแนวโน้มว่าชื่อของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและแคนดิเดตนายกฯ พรรคก้าวไกล จะไม่ได้รับเสียงสนับสนุนตามเกณฑ์ นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า การโหวตนายกฯ อาจจะผ่าน และครบ 376 เสียง ในครั้งเดียวก็เป็นได้ แต่หากไม่ครบ ต้องรอดูว่าจะมีพิจารณาการประชุมในรอบต่อไป และคะแนนที่ได้นั้นมีจำนวนเท่าใดจะครบเกณฑ์ คือ 376 เสียง รวมถึงฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะขอเวลาในการประชุมอีกกี่ครั้ง

- Advertisement -


ทีมโฆษกแจง “ประวิตร” ไม่ได้หลับในการประชุมสภาฯแค่ก้มมองพื้น ยันทำหน้าที่ได้ดี

ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธตอบคำถาม กรณีการเสนอชื่อโหวตนายกรัฐมนตรี จะมีชื่อตนเองหรือไม่ ส่วนที่โซเชียลเผยแพร่ภาพ พล.อ.ประวิตร ระหว่างการประชุมสภานั้น


พล.อ.ประวิตร ส่ายหน้า ก่อนระบุว่า “โธ่เอ๊ย ใครจะไปหลับเล่า ใครจะไปหลับ ผมก็นั่งของผมมาอย่างนั้นมาตลอด ไม่เคยหลับหรอก” จากนั้นขึ้นรถเดินทางกลับทันที พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก ประจำ พลเอกประวิตร ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ภาพขณะนั้นเป็นภาพที่ท่านกำลังก้มมองดูพื้นและเงยหน้าขึ้น พร้อมยืนยันว่า ท่านได้ทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามวาระการประชุม ด้วยดีเหมือนสมาชิกท่านอื่นๆ


“พิธา”แจงบัญชีทรัพย์สิน 85 ล้านบาท หนี้สิน 20 ล้านบาท ทรัพย์สินลดลง 41 ล้านบาท

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เผยแพร่บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหลายราย โดยรายชื่อน่าสนใจ คือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พ้นจากตำแหน่ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2566


โดยพิธา แจ้งสถานะโสด แจ้งว่าหย่าเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2562 จึงทำให้พิธาแจ้งบัญชีทรัพย์สินในส่วนของผู้ยื่นส่วนเดียวเท่านั้น โดยแจ้งว่ามีทรัพย์สิน รวม 85,023,720 บาท หนี้สินรวม 20,740,176 บาทแบ่งเป็นเงินสด 1,800,000 บาท เงินฝาก 286,045 บาท เงินลงทุน 1,346,698 บาท เงินให้กู้ยืม 15,000,000 บาทที่ดิน 18,000,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง 15,000,000 บาท ยานพาหนะ 2,140,000 บาท สิทธิและสัมปทาน19,413,985 บาท และทรัพย์สินอื่น 12,036,990 บาท ส่วนหนี้สินรวม 20,740,176 บาท เป็นเงินเบิกเกินบัญชี 807,414 บาท หนี้สินอื่น 19,932,762 บาท โดยแจ้งว่าเป็นหนี้จากการค้ำประกันกับธนาคารยูโอบี เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563 ทรัพย์สินที่น่าสนใจ คือนายพิธาแจ้งว่ามี เงินลงทุนทั้งหมด 65 รายการ

โดยแจ้งเพิ่มเติมว่า รายการที่ 63 และ 64 ซึ่งเป็นเงินลงทุนในบริษัทไอทีวี จำกัด (มหาชน) จำนวน 42,000 หุ้น มูลค่า 44,100 บาท และเงินลงทุนในบริษัทสหวิริยาสตีลอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) จำนวน 830 หุ้น มูลค่า 41 บาท ผู้ยื่นในฐานะผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาลแพ่งกรุงเทพใต้ ได้รับมอบหมายจากทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของนายพงษ์ศักดิ์ ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ตาย ให้รับโอนหลักทรัพย์หุ้นนี้อันเป็นกองมรดกถือครองไว้แทนทายาทอื่น นอกจากนั้นในส่วนเงินให้กู้ยืมแจ้งว่า ให้นายภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์ น้องชาย กู้ยืม 15,000,000 บาท ในวันที่ 15 ธ.ค. 2563 ส่วนที่ดินในพื้นที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เนื้อที่ 14 ไร่เศษ มูลค่า 18,000,000 บาท และยังแจ้งว่ามีห้องชุดในแขวงคลองตันเหนือ เขวัฒนา กรุงเทพ มูลค่า 15,000,000 บาท

สิทธิและสัมปทานที่น่าสนใจ อาทิ หนังสือวิถีก้าวไกล, หนังสือความรักคือการตกหลุมรักหลายๆครั้ง, ไม่สนว่าเก่งมาจากไหน, ด้วยรักจากอนาคต นอกจากนั้นยังแจ้งว่ามีใบจองรถ Tesla มูลค่า 5,000 บาท และสมาชิกราชกรีฑาสโมสร 1,500,000 บาท ส่วนทรัพย์สินอื่น เช่น โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง เสื้อ 28 รายการ สูท 16 รายการ เนคไท 76 รายการ รองเท้า 21 รายการ กล้อง 2 รายการ นาฬิกา 10 รายการ และพระเครื่อง 8 รายการ เป็นต้น รายได้ต่อปีโดยประมาณ แบ่งเป็นเงินเดือน 1,362,720 บาท ขายคอนโดในปี 2563 จำนวน 13,673,506 บาท ขายรถยนต์ 2 คันในปี 2565 จำนวน 936,000 บาท และขายหนังสือ 431,712 บาท มีรายจ่ายต่อปีเป็นค่าอุปโภค 2,400,000 บาท ค่าเบี้ยประกัน 80,973 บาท ค่าท่องเที่ยว 100,000 บาท และเงินบริจาค 5,793,000 บาท มีค่าใช้จ่ายบุตร 561,985 บาท ขณะเดียวกันแจ้งว่ารอบปีภาษีที่ผ่านมามีเงินได้พึงประเมินตามประมวลรัษฎากร 1,362,720 บาท

ทั้งนี้เมื่อเทียบกับบัญชีทรัพย์สิน กรณีเข้ารับตำแหน่ง ส.ส.เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2562 ซึ่งครั้งนั้นนายพิธา และคู่สมรส แจ้งว่ามีทรัพย์สินทั้งหมด 137,785,190 บาท แบ่งเป็นทรัพย์สินนายพิธา 126,405,519 บาท ทรัพย์สินคู่สมรส11,180,000 บาท แจ้งว่ามีหนี้สิน 22,954,064 บาท เท่ากับว่าในส่วนของนายพิธา มีทรัพย์สินลดลงกว่า 41,381,799 บาท หนี้สินลดลง 2,213,888 บาท โดยทรัพย์ที่ลดลงในส่วนของโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เมื่อตรวจสอบพบว่าเป็นห้องชุดที่แจ้งว่าตั้งอยู่บนที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ นอกจากนั้นทรัพย์สินในส่วนของสิทธิและสัมปทานยังลดลงอีกด้วย


กกต.ขยายเวลาสอบหุ้น itv “พิธา”อีก 15 วัน

รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แจ้งว่า แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ลงนามอนุมัติขยายระยะเวลาการไต่สวน ตามที่คณะกรรมการไต่สวนของ กกต. กรณีกล่าวหาพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล รู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แต่ยังคงลงสมัครรับเลือกตั้ง ตามมาตรา 151 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. 2561 จากเหตุมีลักษณะต้องห้ามในการลงสมัครรับเลือกตั้งถือครองหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) หรือหุ้น itv ตามที่ได้เสนอเรื่องมา เนื่องจากการดำเนินการสอบสวนยังไม่แล้วเสร็จ


โดยอนุมัติให้ขยายเวลาการสอบสวนเพิ่มเติมไปอีก 15 วัน ถือว่าเป็นการขอขยายระยะเวลาการสอบสวนครั้งแรก หลังจากครบกำหนด 20 วันในวันนี้ (4 ก.ค.) หลังจากมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการไต่สวนของ กกต. ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวนไต่สวนและวินิจฉัย ที่ประชุม กกต. เมื่อวันที่ 3 ก.ค.เห็นชอบกรณีอัยการสูงสุด (อสส.) มีหนังสือขอเอกสารและขอทราบการดำเนินการของ กกต.เกี่ยวกับกรณีกล่าวหาพรรคก้าวไกล มีนโยบายหาเสียงแก้ไข และยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำสั่งให้ อสส.ชี้แจงว่ารับ หรือไม่รับคำร้องดังกล่าว หรือมีการดำเนินการอย่างไรกับคำร้องที่มีผู้ยื่นเรื่องดังกล่าวต่อ อสส.เพื่อส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49


“ชัยวุฒิ” ยังกั๊ก“พปชร.” โหวตเสนอชื่อชิงนายกฯหรือไม่

ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ ถึงทิศทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของพรรคพปชร.ว่า ต้องดูเอ็มโอยูของพรรคเสียงข้างมากที่รวมกันได้ 312 เสียงเป็นหลัก และการโหวตเลือกรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อวันที่ 4 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นการเช็คเสียงแล้ว เป็นเอ็มโอยูของพรรคร่วม 8 พรรค ที่จะขับเคลื่อนต่อไป


ส่วนฝั่งที่เหลือก็ต้องคุยกันว่าจะเดินต่อไปอย่างไร เพราะยังไม่มีข้อสรุปว่าจะเสนอชื่อแข่งหรือไม่ หรือจะทำอย่างไรต้องดูสถานการณ์
ส่วนจะเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีแข่งกับทางก้าวไกลหรือไม่ยังไม่ทราบ ไว้คุยกันอีกที โดยในพรรคพปชร. ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันโดยผลการโหวตจริงก็เป็นเรื่องของรัฐสภาด้วย ซึ่งเป็นเรื่องของ ส.ส.และ ส.ว.ที่จะต้องหารือกัน และพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน ก็ยังไม่มีใครไปไหน ยังอยู่ด้วยกัน

Business Today
Business Todayhttps://businesstoday.co
Supporting Thailand's business communities./ FB Page: Business Today Thai/ Social: Business Today Thai (สำหรับ Twitter, YouTube, Telegram)/ LINE: @Business today/ เว็บที่เกี่ยวข้อง: Thailand Today: www.thailandtoday.co/ FB: Thailantoday.co (English)/ Thailand Today News: www.thailandtoday.news/ FB: Thailandtoday.news (Mandarin Chinese)

Latest

ติดตามข่าวสารอัพเดททันใจจาก Businesstoday ได้โดยกรอกอีเมลด้านล่าง

Related News