ความจริงอันแสนโหดร้าย ที่มนุษย์เดินดินกินเงินเดือนต้องเจอ คือ เมื่อโลกเปลี่ยนไป ถ้าไม่อยากตกยุคหรือถูกลืมทิ้งไว้ข้างหลัง คนทำงานก็ต้องเปลี่ยนตาม (ให้ทัน) โลกธุรกิจ หมั่นเติมทักษะจำเป็นที่อาจไม่เคยรู้หรือคิดว่าจำเป็นให้ได้มากที่สุด
แต่อย่าลืมว่านอกจากคนจะเป็นกลไกสำคัญที่องค์กรน้อยใหญ่ต้องเร่งปรับจูนแล้ว “พื้นที่สำนักงาน” (Workplace) ก็เป็นอีกกับดักสำคัญที่ผู้บริหารองค์กรหลายแห่งมองข้าม เพราะต่อให้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไป แต่ ที่ทำงานก็ยังเปรียบเหมือนบ้านหลังที่สองที่เหล่าคนทำงานใช้เวลาส่วนใหญ่ ดังนั้น ถ้าจะอัพเลเวลคนทำงานเวอร์ชั่นเก่า ให้ก้าวล้ำ ก็ต้องปรับเปลี่ยนที่ทำงานให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การทำงานแบบใหม่ด้วย เพราะขืนปล่อยให้คนอัพเลเวลจนล้ำ เป็นสายพันธุ์แห่งอนาคต ที่ตอบโจทย์โลกดิจิทัล แต่ที่ทำงานยังเป็นยุคอนาล็อก ให้พนักงานแออัดอยู่ในห้องสี่เหลี่ยม ไม่เพียงประสิทธิผลในการทำงานจะไม่เกิด แต่การจะดึงดูดทาเลนต์เข้ามาเป็นกองทัพขององค์กรก็ยาก
เพราะไม่ต้องเชื่อก็ต้องเชื่อว่า หากต้องเปรียบเทียบระหว่างบริษัท A และ B ที่คะแนนสูสี ทั้งในแง่ตำแหน่งงาน เนื้องาน สวัสดิการ ความก้าวหน้า ที่ตั้งของบริษัท สิ่งที่พนักงานหลายคนเอามาเป็นปัจจัยในการตัดสินใจ คือ สภาพแวดล้อมในการทำงาน
ไม่อย่างนั้น ซีอีโอบริษัทชั้นนำของโลก อย่าง Google, Facebook, Instagram, Spotify หรือแม้แต่ Uber คงไม่เสียเวลามาเนรมิตออฟฟิศสวยๆ เพื่อดึงดูดให้ทาเลนต์จากทั่วโลกอยากมาร่วมงานไม่พอ ยังเป็นยากระตุ้นชั้นดีให้พนักงานที่มีอยู่ รู้สึกมีพลังที่จะลุกขึ้นมาทำงานทุกวัน
ที่น่าสนใจ คือ แล้วออฟฟิศแบบไหนที่จะตอบโจทย์การทำงานที่ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่พร้อมรองรับโลกแห่งอนาคต?
คำถามนี้ สมบัติ งามเฉลิมศักดิ์ ผู้ร่วมก่อตั้งเปเปอร์สเปซ (PAPERSPACE) และผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบพื้นที่สำนักงาน มีผลงานการออกแบบสำนักงานให้กับบริษัทชั้นนำของโลก ล่าสุดเพิ่งอวดโฉมผลงานการออกแบบสำนักงานของมายแชร์ ประเทศไทย ซึ่งเป็นเอเยนซี่ขนาดใหญ่ที่มีการทำงานร่วมกันทั่วโลก ให้มีความพร้อมสำหรับรูปแบบการทำงานในอนาคต และกล้าเคลมว่าไม่มีใครรู้เรื่องการออกแบบสำนักงานดีกว่าเขามีคำตอบ!

“ในอีก 10 ปีข้างหน้า การเป็นประชากรของโลก หรือ Global Citizen จะทำให้ทุกคนสามารถเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ ได้ง่ายขึ้นจากทุกมุมโลก กำแพงความแตกต่างของภาษาจะพังทลายลง ซึ่งไม่เพียงแค่ไลฟ์สไตล์เท่านั้นที่จะเปลี่ยนไป แต่เทรนด์ของพื้นที่สำนักงานก็จะเปลี่ยนไปด้วย”
นี่คือ การคาดการณ์ของสมบัติ ซึ่งเขาฉายภาพให้เห็นถึงสิ่งที่จะเปลี่ยนไปดังนี้
- พื้นที่ใช้สอยของสำนักงานจะมีขนาดเล็กลงอย่างเห็นได้ชัดและกระจายตัวไปตามสถานที่ต่างๆ ทำให้ไม่เสียเวลาเดินทางวันละหลายชั่วโมง
- จะมีการใช้อุปกรณ์สวมใส่แบบไฮเทค (Wearable device) ผสมผสานกับจอฉายภาพที่ทำให้ติดต่อสื่อสารกับผู้ร่วมงาน ขณะที่ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Ai (Artificial Intelligence) จะเป็นตัวกำหนดสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสมรวมไปถึงสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานของพื้นที่ได้
จากสองแนวโน้มที่จะเกิดขึ้น จึงทำให้นักออกแบบพื้นที่สำนักงาน ในหลายประเทศทั่วโลก นำหลักการออกแบบที่เรียกว่า Activity-Based Workplace (ABW) หรือพื้นที่สำนักงานที่คำนึงถึงกิจกรรมที่เกิดขึ้นจริงเป็นหลัก

“สำหรับประเทศไทย มีบริษัทชั้นนำได้นำแนวคิดนี้มาใช้ในการออกแบบสำนักงานบ้างแล้ว ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมา พบว่า การออกแบบปรับปรุงสำนักงานให้ประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น หัวใจสำคัญ คือ นักออกแบบกับผู้บริหารขององค์กรจะต้องมองเห็นภาพเดียวกันก่อน”
อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจสงสัยว่า สมัยนี้กระแสการทำงานที่บ้าน หรือทำงานนอกสถานที่ได้รับความนิยมมากขึ้นตามไลฟ์สไตล์การทำงานที่เปลี่ยนไป บวกกับการเติบโตของกลุ่ม gig worker (คนรุ่นใหม่ที่ไม่สนใจงานประจำ) จะทำให้พื้นที่สำนักงานยิ่งถูกลดความสำคัญหรือไม่
ประเด็นนี้ สมบัติมั่นใจว่า ในโลกอนาคตก็จะยังคงต้องมีสำนักงานอยู่ต่อไป เพียงแค่เป็นการปรับรูปแบบให้เหมาะสม บางบริษัทอาจไม่จำเป็นต้องมีสถานที่ทำงานเป็นของตัวเอง แต่ยังต้องมีโค-เวิร์คกิ้งสเปซ (Co-working space) เพื่อให้พนักงานในองค์กรได้มาพบปะพูดคุย แลกเปลี่ยนแนวคิดเพื่อพัฒนาสิ่งต่างๆ เพราะสุดท้ายแล้วพื้นที่ทำงานที่ส่งเสริมการทำงานของพนักงาน ย่อมส่งผลให้ประสิทธิภาพงานทำงานดีขึ้น ธุรกิจก็จะเติบโตไปด้วยเช่นเดียวกัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดีป้า ย้ำสร้าง Digital Thailand Valley เทียบ Silicon Valley ดึงคนไอทีและนักลงทุนมาไทย
“ความเท่าเทียมทางเพศ” ช่วยหนุน GDP ประเทศ ทำกำไรให้องค์กร 2.2 เท่า
ส่องตลาดอาคารสำนักงานเกรด A ยังไปต่อหรือซึมๆ?